กระบวนการมองเห็นของเราเกิดขึ้นได้จากการที่แสงตกกระทบวัตถุ สะท้อนเข้าสู่เลนส์ตา ก่อนจะตกกระทบกับจอประสาทตาและส่งข้อมูลไปยังสมอง เพื่อทำการวิเคราะห์และแปลผล ว่าวัตถุที่เห็นอยู่ตรงหน้านั้นคืออะไร แต่เมื่ออวัยวะของดวงตาบางอย่างมีความผิดปกติ จะทำให้สายตาเกิดความผิดปกติและมีการมองเห็นที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิมได้ ซึ่งปัจจุบันภาวะความผิดปกติของสายตามีอยู่ด้วยกัน 4 รูปแบบ
Table of Contents |
ปัญหาด้านสายตามีอะไรบ้าง
1. ภาวะสายตาสั้น (Myopia)
เป็นภาวะที่ดวงตามองเห็นวัตถุในระยะไกลไม่ชัดเจน อาจเห็นเป็นภาพลางๆ ในขณะที่มองเห็นวัตถุที่อยู่ในระยะใกล้ได้ชัดเจน เกิดจากกระจกตาหรือเลนส์ตามีความโค้งกว่าปกติ จากการที่ลูกตามีเส้นผ่านศูนย์กลางยาวกว่าปกติ หรือกระบอกตายาวกว่าปกติ เมื่อมองวัตถุที่อยู่ระยะไกลออกไป จะเกิดการรวมแสงตกกระทบก่อนถึงจอประสาทตา ทำให้มองเห็นวัตถุได้ไม่ชัดเจน
สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะสายตาสั้น
- พันธุกรรม
ความโค้งของกระจกตา เลนส์ตา หรือความยาวของลูกตา ที่มีผลต่อการทำให้สายตาสั้น ส่วนใหญ่เป็นการรับการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ซึ่งจะทำให้เกิดเคสสายตาสั้นในเด็กแรกเกิดได้
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต
การใช้สายตาจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน โดยเฉพาะคนทำงานที่ต้องอยู่หน้าคอมพิวเตอร์นานถึง 8 ชั่วโมงต่อวัน ทำให้สายตาโฟกัสเฉพาะภาพที่อยู่ใกล้ ไม่ได้มีการพักสายตา หรือมองไปในที่ไกลๆ ทำให้เกิดภาวะสายตาสั้น
2. ภาวะสายตายาว (Hyperopia)
เป็นภาวะที่มองวัตถุที่อยู่ใกล้ไม่ชัด ในขณะที่สามารถมองวัตถุที่อยู่ไกลได้ชัดเจน เกิดจากกระจกตาที่แบนหรือลูกตาที่เล็กกว่าปกติ เมื่อมองวัตถุที่อยู่ใกล้ตา แสงจากวัตถุไม่โฟกัสบนจอประสาทตา แต่กลับโฟกัสที่หลังจอประสาทตาแทน จึงทำให้เห็นวัตถุไม่ชัดเจน
อาการแบบไหน เข้าข่ายคนสายตายาว
- มองวัตถุอยู่ใกล้ไม่ชัด
- อ่านหนังสือไม่ถนัด
- ร้อยด้ายไม่เข้า
- ไม่สบายตาหรือปวดศีรษะเวลาอ่านหนังสือ หรือใช้คอมพิวเตอร์นานๆ
- มองไม่ชัด ตอนกลางคืน
- ปวดตา
- ตาไม่สู้แสง
3. ภาวะสายตาเอียง (Astigmatism)
เกิดจากความผิดปกติของกระจกตาหรือเลนส์ตาที่โค้งผิดรูป ทำให้เกิดจุดหักเหแสงมากกว่า 1จุด จึงมีผลกระทบต่อการโฟกัสแสง ทำให้เห็นภาพซ้อน มองเห็นไม่ชัดทั้งระยะใกล้และระยะไกล เป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ได้ทุกช่วงอายุ คนที่มีภาวะสายตาเอียง จะรู้สึกตาพร่า และอาจมองภาพสีเข้มหรือขนาดเล็กได้ยากกว่าปกติ
อาการแบบไหน เข้าข่ายคนสายตาเอียง
- มองตัวเลขผิดเพี้ยน เพราะเห็นเป็นภาพซ้อน
- ถ้ามองในที่ๆ แสงน้อย จะเห็นภาพที่มีแสงสีขาวกระจายฟุ้งๆ รอบๆ
- ติดนิสัยชอบหรี่ตาเวลามอง
- ปวดศีรษะเมื่อต้องใช้สายตานานๆ
4. ภาวะสายตายาวในผู้สูงอายุ (Presbyopia)
เป็นภาวะสายตาเสื่อมลงตามวัย พบในคนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป จะเกิดการเปลี่ยนแปลงของสายตา เลนส์ตาจะขาดความยืดหยุ่น รวมถึงสูญเสียความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการเพ่งมอง การปรับสายตาจึงทำได้ยากขึ้น ทำให้ความสามารถในการมองเห็นวัตถุในระยะใกล้ลดลง หรือมองภาพระยะใกล้แล้วรู้สึกไม่สบายตา ในขณะที่การมองเห็นในระยะไกลยังคงทำงานได้ดีอยู่
อาการแบบไหน เข้าข่ายสายตายาวในผู้สูงอายุ
- มองใกล้ไม่ชัด สังเกตว่าเวลาอ่านหนังสือ อาจต้องยืดสุดแขน เพื่อให้หนังสือไกลจากสายตามากขึ้น
- เพ่งมองนานๆ แล้วรู้สึกปวดตา หรือปวดศีรษะ อาจมีอาการแสบตา เคืองตาจากการเพ่ง
- มองไม่ชัดในแสงสลัว
วิธีแก้ไขปัญหาสายตายอดฮิต
1. สวมแว่นสายตา
เป็นวิธีการแก้ปัญหาสายตาที่เป็นที่นิยมมากที่สุด เพราะช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจนขึ้น และมีผลกระทบต่อดวงตาน้อยมากที่สุดนั่นเอง Tip ดีๆ สำหรับคนมีปัญหาสายตา :
รู้จัก ‘ค่าสายตา’ ก่อนไปตัดแว่น
- เวลาไปตัดแว่นที่ร้านบริการตรวจวัดสายตา จะได้รับใบแจ้งค่าสายตา ซึ่งมีตัวย่อเป็นภาษาอังกฤษและตัวเลขต่างๆ ซึ่งตัวย่อหรือตัวเลขแต่ละตัว จะแปลค่าสายตาว่าอย่างไรบ้าง ไปเรียนรู้กันเลย
- SPH = ค่าสายตา ในเคสสายตาสั้น จะมีค่าสายตาเป็น - (ลบ) และเคสสายตายาว จะมีค่าสายตาเป็น + (บวก) โดยเราจะเริ่มมองเห็นไม่ชัดที่ค่า -1.50 หรือ +1.50 เป็นต้นไป
- CYL = ค่าความเอียง ยิ่งค่าลบมาก แปลว่าภาพที่เห็นจะยิ่งเพี้ยนมาก หรืออาจเห็นเป็นภาพซ้อนกันได้
- AX = องศาที่เอียง
- <R> = ตาขวา
- <L> = ตาซ้าย
รู้จัก ‘เลนส์สายตา’
- เลนส์ชั้นเดียว เหมาะกับ คนทุกช่วงวัยที่มีปัญหาสายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง สายตายาวในผู้สูงอายุ
- เลนส์สองชั้น เหมาะกับ คนที่มีสายตายาวตามวัย 40 ปีขึ้นไป ที่มีปัญหาในการมองระยะใกล้ เลนส์สองชั้น ช่วยให้สามารถมองเห็นชัดเจนได้ทั้งระยะใกล้และไกลไม่ต้องถอดแว่น โดยแว่นตาส่วนบน ใช้สำหรับการมองในระยะไกล และแว่นตาส่วนล่าง จะใช้สำหรับการมองในระยะใกล้
- เลนส์โปรเกรสซีฟ เหมาะกับ คนที่มีสายตายาวตามวัย 40 ปีขึ้นไป ที่มีปัญหาในการมองหลายระยะ สามารถมองได้ทั้งระยะไกล ระยะกลาง และระยะใกล้ โดยไม่ต้องถอดแว่น
รู้จัก ‘เลนส์ย่อ’
- เลนส์ย่อขนาด 1.5 เป็นเลนส์ที่มีความหนาปกติ เหมาะกับคนที่มีค่าสายตาไม่มาก
- เลนส์ย่อขนาด 1.6 เป็นเลนส์ย่อบาง เหมาะกับคนที่มีค่าสายตาไม่เกิน 500
- เลนส์ย่อขนาด 1.67 เป็นเลนส์ย่อบางพิเศษ เหมาะกับคนที่มีค่าสายตาไม่เกิน 1000
- เลนส์ย่อขนาด 1.71 หรือ 1.74 เป็นเลนส์ย่อบางพิเศษที่ต้องสั่งทำ เหมาะกับคนที่มีค่าสายตามากกว่า 1000
2. ใส่คอนแทคเลนส์
เพื่อให้ได้คอนแทคเลนส์ที่เหมาะสมกับดวงตามากที่สุด ควรตรวจวัดค่าสายตาและความโค้งของกระจกตาอย่างละเอียด โดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านสายตาโดยตรง เพราะถ้าเลือกคอนแทคเลนส์ที่มีความโค้งไม่เหมาะสม ก็อาจทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกไม่สบายตา
รู้จัก ‘ชนิดของคอนแทคเลนส์’
- ชนิดแข็ง ทำจากพลาสติกแข็ง มีลักษณะใส มีข้อเสียตรงที่ออกซิเจนผ่านได้น้อย ไม่สามารถใส่เป็นเวลานานๆ เพราะอาจเกิดปัญหาตาแห้งได้ เหมาะกับคนที่มีปัญหาสายตาหนักๆ เช่น สายตาสั้นมาก สายตายาวมาก หรือสายตาเอียงมาก เป็นต้น
- ชนิดนิ่ม ทำจากพลาสติกที่มีความยืดหยุ่นสูง อุ้มน้ำได้สูง ออกซิเจนสามารถผ่านได้ง่าย มีระยะการใส่ที่ยาวนานกว่าคอนแทคเลนส์ชนิดแข็ง เหมาะกับคนที่ไม่ได้มีปัญหาสายตาหนักมากนัก
รู้จัก ‘วิธีเลือกคอนแทคเลนส์’
- เลือกค่าความชัดเหมาะสมกับสายตา
- เลือกซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ หลีกเลี่ยงการซื้อคอนแทคเลนส์ที่ตรวจสอบข้อมูลไม่ได้ เช่น ตามแผงลอย ตลาดนัด หรือตามร้านในอินเตอร์เน็ต
- เลือกอายุการใช้งานให้เหมาะสมกับระยะเวลาที่ต้องการใช้งาน อย่าฝืนใช้เกินอายุ เพราะวัสดุจะเสื่อมสภาพ
รู้จัก ‘วิธีใส่และถอดคอนแทคเลนส์’
- ล้างมือให้สะอาดก่อนใส่และถอดคอนแทคเลนส์ทุกครั้ง
- ไม่ควรทาครีมที่มือก่อนใส่และถอดคอนแทคเลนส์
- วางคอนแทคเลนส์ลงบนปลายนิ้ว โดยหันให้ถูกด้าน หากวางได้ถูกต้องคอนแทคเลนส์จะเป็นรูปถ้วย ไม่บานออก
- ใช้มืออีกข้างง้างเปลือกตาบนกับเปลือกตาล่างออกจากกัน ใช้วิธีก้มหน้าลงมองกระจก จะช่วยให้ใส่ได้ง่ายขึ้น
- เวลาถอดคอนแทคเลนส์ ใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้จีบเข้าหากัน เพื่อหยิบคอนแทคเลนส์ออกจากดวงตา
- เปลี่ยนน้ำยาแช่คอนแทคเลนส์ทุกครั้งที่มีการใช้งาน
3. ทำเลสิค
เป็นการแก้ไขปัญหาสายตาด้วยเลเซอร์ โดยการปรับเปลี่ยนความโค้งของผิวกระจกตา จะช่วยแก้ไขสำหรับผู้ที่มีสายตาสั้น สายตายาว และสายตาเอียง ให้สายตากลับมาเป็นปกติ หรือใกล้เคียงปกติอย่างถาวร เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงและเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการสวมแว่นสายตา หรือใส่คอนแทคเลนส์