ผิวแตกลาย หรือรอยแตกลาย เป็นแผลชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง ซึ่งสังเกตเห็นได้ง่าย เพราะมีสีที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดจากผิวหนังบริเวณอื่น ซึ่งเกิดจากการฉีดขาดของผิวหนังแท้ เนื่องจากผิวหนังบริเวณนั้นๆ เกิดการยืดขยายอย่างรวดเร็ว มักเกิดในบริเวณที่มีไขมันสะสมอยู่มาก เช่น ต้นแขน หน้าอก หน้าท้อง ต้นขา สะโพก และน่อง ซึ่งอาการเริ่มแรกของผิวแตกลายนั้น ผิวหนังมักจะเป็นเส้นสีแดงหรือม่วง จากนั้นจะมีสีอ่อนลงเรื่อยๆ จนกลายเป็นสีขาวขุ่น โดยผิวแตกลาย แบ่งออกเป็น 4 รูปแบบดังต่อไปนี้
ผิวแตกลาย รูปแบบที่ 1 ลายเส้นขนานจากการยืด (Striae distensae)
ผิวแตกลาย รูปแบบที่ 2 ลายเส้นขนานจากผิวฝ่อ (Striae atrophicans)
ผิวแตกลาย รูปแบบที่ 3 ลายเส้นขนานสีแดง (Striae rubra)
ผิวแตกลาย รูปแบบที่ 4 ลายเส้นขนานสีขาว (Striae alba)
ต้นเหตุของปัญหาผิวแตกลาย
การตั้งครรภ์
ผิวแตกลายเป็นอาการหนึ่งของคุณแม่ตั้งครรภ์ เกิดจากการที่เจ้าตัวน้อยในครรภ์เจริญเติบโตขึ้นในทุกเดือน ผิวหนังและเนื้อเยื่อบริเวณหน้าท้อง จึงเกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เส้นใยอีลาสตินและคอลลาเจนในผิวหนังถูกยืดออก บวกกับฮอร์โมนของคุณแม่และน้ำหนักตัวในช่วงใกล้คลอดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ผิวหนังขยายตามไม่ทัน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดผิวแตกลายบริเวณหน้าท้อง ลามไปถึงหน้าอก สะโพกและต้นขาได้
ผิวขาดวิตามิน
เมื่อผิวขาดวิตามิน จะทำให้เกิดอาการผิวแตกลาย ซึ่งส่วนใหญ่พบที่บริเวณแขน หน้าอก หน้าท้อง และต้นขา จึงควรเติมวิตามิน C และวิตามิน E สามารถช่วยผลัดเซลล์ผิวและเติมความชุ่มชื้นให้ผิวได้
น้ำหนักขึ้น หรือลดลงอย่างรวดเร็ว
เด็กที่อยู่ในช่วงวัยกำลังโต หรือคนที่มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ผิวหนังขยายตามไม่ทัน ทำให้เกิดอาการผิวแตกลายได้
ผิวแห้ง
ผิวที่มีลักษณะแห้ง แดง ลอกเป็นขุย อาจเกิดอาการผิวแตกลายตามมา ซึ่งพบมากที่บริเวณมือ แขน และขา อาจมีอาการแสบคัน และถ้าหากเกา อาจทำให้บริเวณนั้นเกิดอาการติดเชื้อและอักเสบได้
สเตียรอยด์
การใช้ยาหรือรับประทานยาในกลุ่มสเตียรอยด์เป็นระยะเวลานาน หรือใช้ในปริมาณไม่เหมาะสม จะทำให้เกิดผื่นแพ้ระคายเคือง สีผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวบางลง เป็นรอยจ้ำรอยช้ำ และเกิดผิวแตกลายได้
ใคร? ที่มีโอกาสผิวแตกลาย
- ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ หน้าท้องที่ขยายใหญ่ขึ้น ทำให้ผิวถูกยืดออก รวมถึงฮอร์โมนที่มีมากช่วงตั้งครรภ์ ทำให้ผิวหนังอ่อนแอ จึงเกิดอาการผิวแตกลายได้ง่าย ซึ่งหลังจากคลอดบุตร เมื่อน้ำหนักลดลง จะช่วยให้รอยแตกลายจางลงได้
- ผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกิน ยิ่งรูปร่างอวบอ้วนมากเท่าไหร่ ผิวหนังก็จะถูกยืดออกไปมากเท่านั้น ทำให้มีโอกาสเกิดผิวแตกลายได้ง่าย
- วัยรุ่นที่ร่างกายเจริญเติบโตอย่างเร็ว ทำให้น้ำหนักตัวเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผิวหนังจึงเกิดการขยายตัว จนเกิดผิวแตกลาย โดยเฉพาะบริเวณต้นขา สะโพกและหน้าอก
- ผู้ที่เล่นกล้าม หรือออกกำลังกายอย่างหนัก จะทำให้ผิวหนังและกล้ามเนื้อเกิดการยืดและหดอย่างแรง จึงอาจเกิดผิวแตกลายบริเวณหัวไหล่ได้
เคล็ดลับลดรอยแตกลาย
- ออกกำลังกายและควบคุมอาหาร
ควรควบคุมอาหาร โดยรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วน และควรหลีกเลี่ยงชาและกาแฟ เพราะคาเฟอีนในกาแฟ จะทำให้ผิวแห้งขาดน้ำ และควรหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายเกิดความสมดุล ช่วยลดปัญหาผิวแตกลายได้เป็นอย่างดี
- รักษาด้วยของที่ได้จากธรรมชาติ
เลม่อน - มีความเป็นกรดสูง จึงสามารถใช้รักษารอยแตกลายได้ เพียงใช้เลม่อนหั่นครึ่ง นำมาถูให้ทั่วบริเวณที่มีอาการผิวแตกลาย ทิ้งเอาไว้นานประมาณ 10 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทำเพียงสัปดาห์ละครั้ง จะช่วยให้รอยแตกลายจางลงได้
ไข่ขาว - กรดอะมิโนและโปรตีนในไข่ขาว ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการนำไข่ขาวทาตรงบริเวณที่เกิดผิวแตกลาย รอจนแห้งประมาณ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น เมื่อทำทุกวัน จะช่วยลดรอยแตกลายได้
ว่านหางจระเข้ – มีสรรพคุณช่วยบรรเทารอยแตกลายลงได้ โดยใช้ว่านหางจระเข้แบบสดๆ นำมาถูบริเวณที่ผิวเกิดอาการแตกลาย ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที จึงล้างออก และทำเป็นประจำ ช่วยให้อาการผิวแตกลายดีขึ้นได้
มันฝรั่ง – ในมันฝรั่งมีวิตามินและแร่ธาติช่วยเร่งการฟื้นฟูเซลล์ผิว โดยการนำมันฝรั่งมาหั่นเป็นแว่นหนาๆ ถูบริเวณผิวแตกลาย นานประมาณ 3-5 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น
- ดื่มน้ำในปริมาณมาก
ดื่่มน้ำให้ได้ปริมาณอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและทำให้ผิวเกิดความยืดหยุ่นมากขึ้น
- ทาครีมบำรุงเป็นประจำ
ใช้ครีมบำรุงผิวสูตรเข้มข้นทาเป็นประจำทุกเช้าและก่อนนอน ช่วยลดและป้องกันผิวแตกลายได้
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารสเตียรอยด์
เพราะหากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์เป็นเวลานาน อาจทำให้ผิวบาง เส้นเลือดที่ผิวหนังแตกง่าย มีรอยแตกสีม่วงแดงตามผิวหนัง ผิวอักเสบผื่นแดง
- ขัดหรือสครับผิว
การขัดผิว หรือสครับผิว ช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายไปแล้ว และกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นทดแทนผิวเดิม โดยแนะนำให้ทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
- ทายาแก้ผิวแตกลาย
แนะนำเรตินเอ ความเข้มข้น 0.025% หรือ 0.5% ทาลงบนบริเวณที่มีรอยแตก โดยไม่ต้องลงครีมบำรุง ทำวันเว้นวัน ประมาณ 1 เดือน จะช่วยให้รอยแตกจางลง
- V-Beam Lovely Skin
V-Beam Lovely Skin ถูกออกแบบมาเพื่อรักษาความผิดปกติของเส้นเลือดในรูปแบบต่างๆ เช่น เส้นเลือดฝอยบนใบหน้า หรือขา แผลเป็นนูน ปานแดง และรอยแตกลาย โดยไม่เกิดการทำลายเนื้อเยื่อหรือผิวหนังบริเวณข้างเคียง
The result may vary depending on each person.
ผลลัพธ์แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
นวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งใช้เทคโนโลยี Subablative RF ที่ทันสมัย ได้รับการรับรองจาก FDA สหรัฐอเมริกา ช่วยซ่อมแซม และกระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟูผิวแตกลายให้กลับมาเนียนสวย
Credit ภาพ : blog.omogenvogue.com, nguoiduatin.vn, webmd.com, webmd.com, prime-journal.com