
อัลเทอร่า (Ulthera) นวัตกรรมที่ช่วยเรื่องผิวแบบชิวๆ ไม่ทำให้เกิดแผล ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น ทำเสร็จเดินห้างต่อได้สวยๆ เพราะเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้บริการ ใครที่กำลังมีแพลนจะเริ่มหันมาดูแลตัวเอง มองกระจกแล้วรู้สึกว่ามีริ้วรอยเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะด้วยความเครียดหรือด้วยอายุที่เพิ่มขึ้น อัลเทอร่าเป็นตัวช่วยที่ตอบโจทย์มาก ซึ่งได้รับการการันตีจากดารามากมาย และได้รับการยอมรับไปทั่วทุกสารทิศ ถึงแม้ว่าการทำอัลเทอร่าจะมีราคาที่ค่อนข้างสูงแต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไปมาก โดยราคาโปรโมชันเริ่มต้นอยู่ที่ 2 หมื่นกว่าบาทเท่านั้น แต่เดี๋ยวก่อนบางคนอาจจะไม่รู้ว่า อัลเทอร่าคืออะไร? ทำอัลเทอร่าเจ็บไหม? ทำอัลเทอร่ารอบตาได้ไหม? ในบทความนี้จะมาตอบคำถามเหล่านี้เอง มาดูกันเลย
Table of Contents |
- การทำ Ulthera คืออะไร ?
- สามารถทำ Ulthera บริเวณไหนได้บ้าง?
- การทำ Ulthera เหมาะกับใคร ?
- รวมข้อดี-ข้อเสีย ของการทำ Ulthera มีอะไรบ้าง ?
- ขั้นตอนการทำ Ulthera
- วิธีเตรียมตัวก่อนทำ Ulthera
- ข้อปฎิบัติหลังทำ Ulthera
- Ulthera ราคาเท่าไร ?
- คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการยกกระชับด้วย Ulthera
การทำ Ulthera คืออะไร ?
อัลเทอร่า (Ulthera) เป็นเทคโนโลยีการรักษาโดยใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ที่มีพลังงานคลื่นเสียงความถี่สูง และมีความแม่นยำ โดยจะปล่อยพลังงานไปถึงชั้นคอลลาเจนใต้ผิวหนัง จนถึงรอยต่อของกล้ามเนื้อชั้นบน หรือการปล่อยพลังงานความร้อนลึกสู่ชั้น SMAS (Superficial Musculo Aponeurotic System) ซึ้งคือชั้นเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อหน้าที่ใต้ชั้นไขมันผิวหน้า ซึ่งมีความสำคัญเป็นอย่างมากในการผ่าตัด เพราะเป็นชั้นผิวที่ศัลยแพทย์ใช้ในการดึงหน้าหรือยกกระชับหน้า ซึ่งชั้น SMAS จะเชื่อมกันระหว่าผิวหน้ากับชั้นไขมันใต้หนังด้านบน ที่ทำหน้าที่ช่วยดึงชั้น SMAS ให้ตึง กระชับ และเรียบเนียนขึ้น เพราะฉะนั้นจึงเหมาะสำหรับเคสที่อายุเริ่มมากขึ้น เนื้อเยื่อชั้นนี้เริ่มหย่อนคล้อย นอกจากนี้ Ulthera ยังช่วยฟื้นฟูคอลลาเจนในชั้นผิว ส่งผลให้ผิวรอบดวงตากระชับ เต่งตึง ริ้วรอยน้อยลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ทำให้เจ็บ แถมยังไม่ต้องพักฟื้นอีกด้วย
อัลเทอร่าถือว่าเป็นนวัตกรรมเลเซอร์ที่ช่วยยกกระชับผิวได้ดี เทียบเท่ากับการผ่าตัด เนื่องจากใช้เทคโนโลยี Advance-Focused Ultrasound ให้ผลลัพธ์ยาวนานถึง 2 ปี นวัตกรรมนี้ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก US-FDA หรือองค์การอาหารและยาสหรัฐ (United States Food and Drug Administration)
สามารถทำ Ulthera บริเวณไหนได้บ้าง?
การทำอัลเทอร่านั้นเป็นนวัตกรรมที่ช่วยยกกระชับบริเวณที่มีความหย่อนคล้อย ให้มีความเต่งตึง ซึ่งทำได้หลายบริเวณ แต่บริเวณที่ได้รับความนิยมนั้นมีดังนี้
- บริเวณใบหน้า ซึ่งจะช่วยยกกระชับผิวหน้าที่มีความหย่อนคล้อย และยังช่วยยกกระชับรูปหน้าขึ้น รูปหน้าจะกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ช่วยลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น หรือริ้วรอยที่เกิดจากความเครียด ช่วยทำให้หน้าดูอ่อนเยาว์
- บริเวณลำคอ ยกกระชับให้เต่งตึง ลดเหนียงบริเวณคอ หรือลดคาง 2 ชั้น ให้มีคางที่ได้รูปมากขึ้น
- บริเวณดวงตา ช่วยยกหนังตาขึ้น แก้ปัญหาตาตกได้ ช่วยดึงกระชับขอบตาล่างที่หย่อนยาน ทำให้ดวงตาดูโตสดใสขึ้น ริ้วรอยรอบดวงตาจางลง แก้ปัญหาคิ้วตกและหนังตาตก
การทำ Ulthera เหมาะกับใคร ?
การทำอัลเทอร่า สามารถทำได้ทุกคน เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการหันมาดูแลตัวเองเพิ่มมากขึ้น ใครๆ ก็สามารถทำได้ ซึ่งผลลัพธ์การใช้บริการก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่จะเห็นผลดีสำหรับคนที่มีปัญหาเหล่านี้มากกว่า
-
ผิวหย่อนคล้อย
ผู้ที่ผิวเริ่มความหย่อนคล้อยไปตามกาลเวลา หรือตามวัย หรือริ้วรอยที่เกิดจากความเครียดสามารถใช้อัลเทอร่าได้ เพราะอัลเทอร่าจะช่วยดูแลยกกระชับผิวให้เต่งตึงขึ้นได้อย่างรวดเร็วทันใช้งาน แต่แนะนำว่าถ้าอยากให้เห็นผลชัดเจนให้เริ่มทำตั้งแต่ตอนที่ผิวหนังเริ่มมีความหย่อนคล้อยในระยะแรกถึงปานกลาง และทำต่อเนื่องทุกๆ 1 - 2 ปี เพื่อให้ผิวหนังไม่เกิดความหย่อนคล้อยเพิ่มขึ้น
-
ไขมันที่แก้มเยอะ
สำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันที่แก้มเยอะ จะทำให้ใบหน้าดูกลม อ้วน ซึ่งการใช้อัลเทอร่าจะช่วยทำให้กรอบหน้าชัดขึ้น ไขมันที่แก้มลดลง หน้าดูเต่งตึง เหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง
-
รูขุมขนกว้าง
การทำอัลเทอร่าจะช่วยลดรูขุมขนลงได้ เพราะอัลเทอร่าจะช่วยในเรื่องของการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ และช่วยรั้งเส้นใบคอลลาเจนให้ยึดกับผิวชั้นบนได้ดียิ่งขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้เลยทำให้ผิวหนังถูกยกกระชับ และเรียบเนียนขึ้น
รวมข้อดี-ข้อเสีย ของการทำ Ulthera มีอะไรบ้าง ?
ไม่ว่าทำอะไรก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย ซึ่งหากกำลังอยู่ในช่วงหาข้อมูลเกี่ยวกับอัลเทอร่า หรือกำลังลังเลว่าจะทำดีไหม ให้ลองดูในส่วนนี้ก่อน ว่ามีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง
ข้อดี
- เป็นนวัตกรรมเลเซอร์ที่ช่วยยกกระชับและปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น ซึ่งมีประสิทธิภาพเทียบเท่าการผ่าตัด
- อัลเทอร่าไม่ใช่การผ่าตัด ไม่ทำให้เกิดแผล ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นนานๆ
- รักษาด้วยการปล่อยคลื่นพลังงานความถี่สูงถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวที่แพทย์ศัลยกรรมใช้ในการผ่าตัดดึงใบหน้า
- ให้ผลลัพธ์ยาวนานถึง 1 - 2 ปี
- ริ้วรอยลดลง เห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้าใช้บริการ ทันใช้งาน
- ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว เพื่อความยืดหยุ่นให้ผิว และทำให้ผิวกระชับเต่งตึงยิ่งขึ้น
- หลังทำสามารถแต่งหน้า และใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
ข้อเสีย
- ราคาค่อนข้างสูง เพราะเป็นนวัตกรรมที่ทันสมัย และทำการรักษาโดยผู้ที่ชำนาญเรื่องผิวโดยตรง และมีประสบการณ์มาก
- จะได้ผลลัพธ์ที่ดีก็ต่อเมื่อผิวที่หย่อนคล้อยในระยะแรกถึงปานกลางเท่านั้น ถ้าเกิดว่าหย่อนคล้อยมาก หรือริ้วรอยมาก ผลลัพธ์ที่ได้นั้นอาจจะน้อยจนแทบไม่เห็น
- ต้องทำต่อเนื่องทุกๆ 1-2 ปี เพื่อให้ผิวหนังไม่เกิดความหย่อนคล้อยเพิ่มขึ้น
ขั้นตอนการทำ Ulthera
- แพทย์จะทำการประเมินปัญหาผิว และวางแผนการรักษาตามสภาพผิวและปัญหาที่แตกต่างกันของแต่ละบุคคล
- เตรียมผิวทำความสะอาดผิวหน้าก่อนทายาชาก่อนเป็นเวลา 45 นาที
- แล้วปล่อยคลื่นลงบริเวณที่ต้องการยกกระชับ ซึ่งขณะทำจะมีความรู้สึกจี๊ดๆ ที่ชั้นใต้ผิวหนังที่เกิดจากการปล่อยคลื่นลงไปที่ชั้น SMAS
- หลังจากนั้นศัลยแพทย์จะใช้เวลาผ่าตัดดึงหน้าให้เกิดการกระชับกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน โดยจะใช้เวลาเวลารักษาประมาณ 30-45 นาที แต่ขึ้นอยู่กับบริเวณทำด้วย
- เมื่อทำเสร็จจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงคือหน้าจะยกประชับขึ้นทันทีประมาณ 30% ส่วนผลลัพธ์ที่เหลือจะค่อยๆเห็นผลประมาณ 3 เดือน และจะดีขึ้นเรื่อยๆ
วิธีเตรียมตัวก่อนทำ Ulthera
- ผ่อนคลาย ละความกังวลทิ้งไป
- นอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่
- ไม่ทาอะไรลงที่หน้า หรือไม่ต้องแต่งหน้ามา เพราะก่อนทำจะต้องทำความสะอาดหน้าก่อนใช้บริการ
ข้อปฎิบัติหลังทำ Ulthera
การทำอัลเทอร่า ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นเลย สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ เพราะเป็นการรักษาที่ไม่ทำให้เกิดแผลมีความปลอดภัย ไม่เจ็บ แต่หลังการรักษาด้วยอัลเทอร่า อาจเกิดอาการแดงที่ผิวหนังเล็กน้อย หรืออาจเกิดอาการบวม หรืออาจมีอาการปวดเล็กน้อยใต้ผิวหนัง แต่จะค่อยๆ หายไปเมื่อครบ 1 สัปดาห์
Ulthera ราคาเท่าไร ?
- Ulthera Eye Lock ยกกระชับ ล็อกผิว รอบดวงตาให้สวยเป๊ะแบบเซเลป 1 ครั้ง ราคาโปรโมชันจะอยู่ที่ 24,000 บาท จากราคาเต็ม 34,290 บาท
- Ulthera SPT Authentic ยกกระชับกรอบหน้าชัด กระตุ้นคอลลาเจน 300 line ราคาโปรโมชันจะอยู่ที่ 45,000 บาท จากราคาเต็ม 64,290 บาท
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการยกกระชับด้วย Ulthera
เนื่องจากเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้จัก เราเลยรวบรวมคำถามที่คนสงสัยมาไว้ตรงนี้
Ulthera ทำไมถึงแพง? Ulthera ถูกและแพงต่างกันอย่างไร ?
Ulthara เป็นนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ได้รับรองจาก US-FDA และรับรองได้ว่าเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ารับบริการและทำการรักษาโดยคุณหมอที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องผิวโดยเฉพาะ ซึ่งมีประสบการณ์มาก มีฝีมือที่ละเอียดประณีตและการเสริมความงามรอบดวงตานั้นต้องอาศัยองค์ความรู้ และศิลปะร่วมกันอีกด้วย อีกทั้งยังมีเรื่องการคำนึงถึงเรื่องของโหงวเฮ้งด้วย และคุณหมอจะให้เวลากับคนไข้แต่ละคนอย่างเต็มที่ที่สุด ใส่ใจทุกรายละเอียด ซึ่งการทำ Ulthera ในราคาที่ต่ำลง นั่นอาจแปลว่าใช้ของที่ไม่มีคุณภาพ หรืออาจะใช้บริการกับหมอที่ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญ
Ulthera เจ็บรึเปล่า? อันตรายไหม ใครบ้างที่ห้ามทำ?
Ulthera ไม่ทำให้เจ็บ และใม่ต้องพักฟื้น เพราะ Ulthera เป็นเทคโนโลยีการปล่อยคลื่นอัลตราซาวด์ ซึ่งจะไม่ทำให้ผิวชั้นนอกเบิร์น หรือโดนทำลายจนเป็นแผล
หลังทำ Ulthera แล้วเห็นผลเมื่อไหร่?
เห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำประมาณ 30% ซึ่งจะเห็นผลได้ชัดเจนภายในเวลาประมาณ 2 เดือน และอยู่ได้นาน 1-2 ปี
Ulthera กับ Thermage ต่างกันอย่างไร?
- Thermage ใช้พลังงานความถี่คลื่นวิทยุ RF (Radiofrequecy) ที่ปล่อยพลังงานสู่ผิวหน้าชั้นในหรือชั้นแท้ และเนื้อเยื่อชั้นใต้ จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันบริเวณแก้ม และบริเวณใบหน้าเยอะ หรือมีเหนียงเยอะ ใบหน้าไม่สดใส
- ส่วน Ulthera ใช้เทคโนโลยี Advance-Focused Ultrasound เป็นคลื่นอัลตราซาวด์ ลงลึกกว่า Thermage เพราะปล่อยพลังงานที่มีคลื่นความถี่สูงลงลึกแบบเฉพาะเจาะจงสู่ขั้น SMAS ซึ่งชั้นนี้จะทำให้เนื้อเยื่อตึงขึ้น จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหน้าหย่อนคล้อย มีไขมันบริเวณใบหน้าน้อย เหมาะกับผู้มีผิวหนังหย่อน
- อัลเทอร่า (Ulthera) เป็นนวัตกรรมในการการยกกระชับใบหน้า ที่สามารถแก้ไขปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยให้กลับมาเต่งตึงได้ ถือเป็นหัตถการที่ได้รับความนินมในปัจจุบันเนื่องจากไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลทันทีหลังทำ อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการทำงานของคอลลานเจนอีกด้วย แม้จะมีราคาที่แพง แต่ก็เรียกได้ว่าคุ้มค่าคุ้มราคากับที่จ่ายไป ที่สำคัญยังอยู่ได้นาน 1-2 ปีด้วย
ภาพรีวิว Ulthera ยกกระชับหน้า

ผลการรักษาด้วยอัลเทอร่า ยกกระชับหน้า
The result may vary depending on each person. ผลลัพธ์การผ่าตัด แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล