fbpx 7 พฤติกรรมควรหยุด ก่อนผิวหน้าเหี่ยวย่นดูแก่ก่อนวัย

7 พฤติกรรมควรหยุด ก่อนผิวหน้าเหี่ยวย่นดูแก่ก่อนวัย

7 ข้อต้องห้าม ถ้าไม่อยากหน้าแก่ก่อนวัย พฤติกรรมที่ส่งผลให้หน้าแก่ก่อนวัย

         เมื่อมีอายุมากขึ้น เป็นเรื่องปกติที่จะเกิดความหย่อนคล้อยบนใบหน้า แต่สำหรับผู้ที่อายุยังไม่มาก แต่มีปัญหาริ้วรอย หน้าเหี่ยวย่น ทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณของการหน้าแก่ก่อนวัย ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมบางอย่างที่ส่งผลเสียต่อสภาพผิว แต่ด้วยผลิตภัณฑ์ หรือเทคโนโลยีเสริมความงามในปัจจุบันที่มีความก้าวหน้า สามารถแก้ไขปัญหาหน้าแก่ก่อนวัยได้ในเวลารวดเร็ว บทความนี้จึงชวนมาศึกษาว่าพฤติกรรมใดบ้างที่ส่งผลให้หน้าแก่ก่อนวัย และมีวิธีการรักษาอย่างไรบ้าง เพื่อคืนใบหน้าที่เหี่ยวย่นให้กลับมาอ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง

Table of Contents

  1. ข้อต้องห้าม ถ้าไม่อยากหน้าแก่ก่อนวัย
  2. แนวทางรักษาหน้าแก่ก่อนวัย

 

ข้อต้องห้าม ถ้าไม่อยากหน้าแก่ก่อนวัย พฤติกรรมบางอย่างก็ยิ่งส่งผลให้หน้าแก่ก่อนวัย

7 ข้อต้องห้าม ถ้าไม่อยากหน้าแก่ก่อนวัย

         แม้ว่าอายุที่มากขึ้นจะมีผลต่อความเหี่ยวย่นของใบหน้า แต่พฤติกรรมบางอย่างก็ยิ่งส่งผลให้หน้าแก่ก่อนวัยมากยิ่งขึ้นไปอีก โดยพฤติกรรมที่ควรระวังและต้องปรับปรุง มีดังนี้

1. ละเลยการทาครีมกันแดด

         แสงแดดถือเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวเหี่ยวก่อนวัย เนื่องจากรังสียูวี (UV) ในแสงแดดจะเร่งให้คอลลาเจนและอีลาสตินในผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น นำไปสู่การเกิดความหย่อนคล้อย แห้งกร้าน และจุดด่างดำบนใบหน้า โดยเฉพาะคนผิวขาวที่มีเม็ดสีผิวน้อยกว่าคนผิวคล้ำ ทำให้แสงแดดส่องผ่านลงไปยังชั้นผิวหนังได้มากกว่า ดังนั้น การทาครีมกันแดดเป็นประจำจึงสำคัญอย่างยิ่ง เพราะสามารถป้องกันรังสียูวีเข้าสู่ชั้นผิวหนังได้ 

         นอกจากนี้ ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF ที่เหมาะสม เช่น หากอยู่ในที่ร่ม สามารถใช้ครีมกันแดด SPF 15 ได้ หากอยู่ในที่กลางแจ้งนานๆ สามารถใช้ SPF 60 ได้ 

2. เครียดมากเกินไปก็ทำให้หน้าแก่ได้

         เคยสังเกตหรือไม่ว่าเวลาที่มีความเครียด สีหน้าจะเปลี่ยนแปลงไป เช่น ขมวดคิ้ว หน้าบึ้ง ฯลฯ ซึ่งสีหน้าเหล่านี้จะส่งผลให้เกิดริ้วรอยและรอยย่นบนใบหน้า อีกทั้งความเครียดยังส่งผลให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ที่เป็นตัวการทำลายคอลลาเจนบนใบหน้า ทำให้หน้าย่นก่อนวัยได้ 

         ดังนั้น หากเกิดความเครียด ลองพยายามทำจิตใจให้สบาย ปล่อยวาง หรือทำกิจกรรมอื่นๆ ที่สามารถลดความเครียดลงได้ เช่น ฟังเพลง เดินเล่น ออกกำลังกายเบาๆ ฯลฯ ก็จะช่วยให้ใบหน้าสดใสขึ้นและป้องกันริ้วรอยต่างๆ ได้

3. ละเลยการล้างหน้า

         การล้างหน้าที่ไม่ถูกต้องสามารถส่งผลให้หน้าย่นก่อนวัยได้ เนื่องจากใบหน้าเป็นส่วนที่บอบบาง และต้องดูแลอย่างอ่อนโยน อย่างการถูหน้าแรงๆ การล้างหน้าเร็วๆ รวมไปถึงการไม่ล้างเครื่องสำอาง หรือล้างออกไม่หมดนั้น ล้วนแต่ส่งผลให้คอลลาเจนและอีลาสตินบนผิวหน้าถูกทำลาย ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น อีกทั้งมลภาวะยังเข้าสู่ผิวหน้าได้มากขึ้นกว่าเดิม เกิดเป็นริ้วรอยและสิวอุดตัน 

         ดังนั้น หันมาใส่ใจในการล้างหน้าให้มากขึ้น โดยเริ่มจากการเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะสมกับสภาพผิว ล้างหน้าด้วยการนวดเบาๆ เป็นเวลา 1-2 นาที และสำหรับผู้ที่แต่งหน้าเป็นประจำ แนะนำให้ล้างเครื่องสำอางออกด้วย Make-up Remover ก่อน เพื่อไม่ให้มีสิ่งตกค้างอยู่ในผิว

ผู้ที่ประสบปัญหาผิวเหี่ยวก่อนวัย ลองสังเกตพฤติกรรมการกินว่าทานแป้งและน้ำตาลเยอะเกินไป

4. พฤติกรรมการกินก็ส่งผลให้หน้าเหี่ยวย่นได้

         สำหรับผู้ที่ประสบปัญหาผิวเหี่ยวก่อนวัย ลองสังเกตพฤติกรรมการกินว่าทานแป้งและน้ำตาลเยอะเกินไปหรือไม่ เพราะทั้งแป้งและน้ำตาลจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ส่งผลให้เซลล์ผิวเกิดการอักเสบและไปทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว รวมไปถึงการทานอาหารที่เคี้ยวยากหรือเคี้ยวหมากฝรั่งบ่อยๆ ส่งผลให้หน้าแก่ด้วยเช่นกัน เพราะการเคี้ยวมากๆ จะต้องใช้กล้ามเนื้อบนใบหน้าเยอะ เมื่อมีการสะสมเรื่อยๆ จะทำให้กล้ามเนื้อหดตัว เกิดเป็นริ้วรอยถาวรได้ 

         ดังนั้น ควรเลือกทานอาหารที่ทานง่ายและมีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารจำพวกผักหรือผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ฝรั่ง มะละกอ ผลไม้รสเปรี้ยว ฯลฯ จะช่วยชะลอความแก่ได้ อาหารการกินที่ดีย่อมส่งผลให้สุขภาพดีและผิวพรรณดูสดใสขึ้นไปอีกด้วย

5. พฤติกรรมการนอนก็ทำให้หน้าแก่ก่อนวัย

         หลายๆ คนอาจไม่ทราบว่าพฤติกรรมการนอนสามารถก่อให้เกิดหน้าย่นก่อนวัยได้ อย่างการนอนคว่ำหรือนอนตะแคงในทิศทางเดิมตลอดทั้งคืน จะเป็นการสะสมและย้ำรอยย่นที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติให้ชัดเจนมากขึ้น คอลลาเจนในชั้นผิวจึงทำงานผิดปกติและผิดรูปร่างไปจากเดิม เกิดเป็นริ้วรอยหรือรอยย่นอย่างเห็นได้ชัด แนะนำให้ปรับพฤติกรรมการนอนโดยการนอนหงาย จะช่วยป้องกันการเกิดรอยย่น และยังเป็นท่านอนที่หายใจได้สะดวกมากที่สุดอีกด้วย

6. ดื่มเหล้า สูบบุหรี่

         ผู้ที่ดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่เป็นประจำจะมีโอกาสหน้าแก่ก่อนวัยอันควรได้มากกว่าปกติ เนื่องจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ ผิวจึงขาดความชุ่มชื้น แห้งกร้าน และเกิดเป็นรอยย่นขึ้นมา นอกจากนี้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ยังส่งผลให้ร่างกายหลั่งสารอนุมูลความเครียด และสารอนุมูลอิสระมากขึ้น ซึ่งจะไปทำลายคอลลาเจนในผิว ทำให้ผิวหมองคล้ำ หย่อนคล้อย เกิดริ้วรอย แนะนำให้ลดหรืองดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ จะทำให้สุขภาพผิวกลับมาดีขึ้นได้ 

7. ดื่มน้ำน้อย

         อย่างที่ทราบกันดีว่าร่างกายมนุษย์มีน้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญ ซึ่งน้ำจะช่วยให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น และฟื้นฟูได้ดียิ่งขึ้น หากร่างกายประสบกับภาวะขาดน้ำบ่อยๆ จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของผิวลดลง คอลลาเจนในผิวเสื่อมสภาพ ส่งผลให้ผิวเหี่ยวเร็ว ดูแห้งกร้าน และหน้าแก่ก่อนวัย ดังนั้น ควรปรับพฤติกรรมการดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกาย ประมาณ 2-3 ลิตรต่อวัน จะช่วยเติมเต็มประสิทธิภาพการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย ลดริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้น และลดการเกิดสิวใหม่ได้

 

แนวทางรักษาหน้าแก่ก่อนวัย

         ปัจจุบันนี้มีผลิตภัณฑ์ หรือเทคโนโลยีเสริมความงามที่ก้าวหน้าขึ้นอย่างมาก ทำให้ปัญหาหน้าแก่ก่อนวัยสามารถแก้ไขได้ ด้วยแนวทางการรักษา 4 วิธี ดังนี้

ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าให้เลือกใช้มากมาย ซึ่งแต่ละผลิตภัณฑ์นั้นมีส่วนผสมแตกต่างกันไป

เลือกใช้ skin care

         ปัจจุบันนี้มีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าให้เลือกใช้มากมาย ซึ่งแต่ละผลิตภัณฑ์นั้นมีส่วนผสมแตกต่างกันไป หากต้องการรักษาหน้าแก่ก่อนวัย สามารถเลือกใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสม ดังนี้

  • วิตามิน C - ช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และช่วยให้รอยคล้ำดูจางลง
  • วิตามิน E - บำรุงเซลล์ผิวได้ดี ช่วยป้องกันมลภาวะไม่ให้เข้าสู่ผิว และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น
  • เรตินอล (Retinol) - ช่วยลดเรือนริ้วรอยก่อนวัย และช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน
  • กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) - ช่วยกักเก็บน้ำในผิวได้ดี ทำให้ผิวชุ่มชื้นและลดริ้วรอย

           นอกจากนี้ หมั่นทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน ป้องกันไม่ให้แสงแดดเข้าไปทำลายคอลลาเจนในผิว โดยเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF และ PA ที่เหมาะสมกับการใช้งาน เพราะการเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง โดยที่ไม่ได้สัมผัสแสงแดดบ่อยๆ นั้น เป็นเรื่องที่เกินความจำเป็นและสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย ดังนั้นแนวทางการเลือกครีมกันแดดสามารถแนะนำเบื้องต้นได้ดังนี้

  • หากอยู่ในที่ร่ม ไม่ได้สัมผัสแสงแดด เลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 PA++
  • หากต้องสัมผัสแสงแดดเป็นบางครั้ง เลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 PA++
  • หากต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง สัมผัสแสงแดดจัด เลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 60 PA+++

         การเลือกใช้สกินแคร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว เป็นวิธีการรักษาหน้าแก่ก่อนวัยที่ไม่ยาก และสามารถทำได้ทุกคน แต่การรักษาด้วยสกินแคร์นั้น ต้องใช้ระยะเวลารักษาที่ยาวนาน จึงจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน หรือบางครั้งอาจจะไม่เห็นผลเลย อีกทั้งยังขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลด้วย

การผ่าตัดกล้ามเนื้อและไขมันบนใบหน้า เป็นการยกกระชับ ลดความหย่อนคล้อย

ผ่าตัดดึงหน้า

           การผ่าตัดดึงหน้า คือ การผ่าตัดกล้ามเนื้อและไขมันบนใบหน้า ให้กลับสู่ตำแหน่งที่เหมาะสม เป็นการยกกระชับ ลดความหย่อนคล้อย แก้ปัญหาผิวเหี่ยวก่อนวัยได้เป็นอย่างดี โดยการผ่าตัดดึงหน้าสามารถทำการดึงเฉพาะจุดหรือดึงให้ทั่วใบหน้าและลำคอได้ 

           วิธีการรักษานี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยมาก และต้องการยกกระชับและปรับโครงสร้างใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ แต่วิธีการรักษานี้มีค่าใช้จ่ายที่สูง ต้องมีการเตรียมตัวให้ดีทั้งก่อนและหลังผ่าตัด อีกทั้งในบางรายอาจเกิดผลข้างเคียงจากการผ่าตัดอีกด้วย

ปัญหาผิวเหี่ยวก่อนวัยสามารถรักษาได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ คือ การใช้สารเติมเต็ม

ฉีด Filler

          ปัญหาผิวเหี่ยวก่อนวัยสามารถรักษาได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ คือ การใช้สารเติมเต็ม Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์เลียนแบบไฮยาลูรอนิกที่อยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ ฉีดเข้าไปในบริเวณที่มีริ้วรอย ร่องลึก ผิวยุบตัว โดยสารไฮยาลูรอนิกมีคุณสมบัติอุ้มน้ำในผิวได้ดี และยังช่วยกระตุ้นการทำงานของคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวอีกด้วย ทำให้เมื่อฉีดฟิลเลอร์เข้าไปแล้ว จะช่วยให้ริ้วรอยดูจางลง เติมเต็มร่องลึก ยกกระชับผิว และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า แก้ไขปัญหาผิวเหี่ยวก่อนวัยได้ดี อีกทั้งฟิลเลอร์ยังสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติโดยไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย จึงไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง

          การฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องลึก ผิวยุบตัว และต้องการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้น รวมไปถึงผู้ที่ไม่ต้องการทำการผ่าตัดศัลยกรรมด้วย แต่ฟิลเลอร์นั้นสามารถอยู่ได้นานเพียง 4 เดือน - 2 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังการฉีดและความหนาแน่นของฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไป

Wonder Haifu รักษาหน้าย่นก่อนวัย ส่งผลให้ชั้นผิวหนังเกิดการหดตัว คล้ายกับการดึงหน้าให้ตึง

Wonder Hifu

         Wonder Haifu เป็นอีกหนึ่งวิธีการรักษาหน้าย่นก่อนวัย โดยใช้เครื่องปล่อยคลื่นอัลตราซาวนด์ (High-Intensity Focused Ultrasound) ส่งเข้าไปในชั้นผิวหนัง ส่งผลให้ชั้นผิวหนังเกิดการหดตัว คล้ายกับการดึงหน้าให้ตึง โดยการส่งคลื่นพลังงาน Hifu จะมีการโฟกัสจุดที่ละเอียดและมีขนาดเล็ก จากนั้นพลังงานจะเข้าไปกระจายในชั้นผิวหนัง ทำให้สามารถลดความเจ็บปวดลงได้ และ Wonder Hifu ยังมีหัวส่งพลังงานที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ทำให้ส่งพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

         Wonder Hifu เหมาะกับผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ผู้ที่เริ่มมีความหย่อนคล้อย ต้องการยกกระชับผิว ปรับกรอบหน้าให้ชัดขึ้น และเหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์การรักษาอย่างรวดเร็ว เพราะ Wonder Hifu สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนขึ้นทันทีหลังทำ อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Hifu จะมีการส่งพลังงานที่ลดความเจ็บปวดลงได้ แต่ยังคงมีความรู้สึกเจ็บจี๊ดใต้ผิวหนังอยู่บ้าง และแนะนำให้ทำ Hifu ทุกๆ 6 เดือน - 1 ปี เพื่อให้ผลลัพธ์คงอยู่ยาวนานและมีประสิทธิภาพ

สรุป

         ปัญหาผิวเหี่ยวก่อนวัยสามารถป้องกันได้ เพียงแค่ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่าง หันมาใส่ใจในการบำรุงรักษาผิวหน้า ลดความเครียด และทานอาหารที่มีประโยชน์ ก็จะช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาหน้าย่นก่อนวัยได้ หรือใครที่กำลังประสบปัญหาหน้าแก่ก่อนวัย ก็มีวิธีการรักษามากมาย แต่จะใช้วิธีใดนั้นขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของปัญหา ดังนั้น แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้แพทย์วิเคราะห์ปัญหาและวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสมมากที่สุด