fbpx ปัญหาหน้ามันเกิดจากอะไร? วิธีแก้หน้ามัน เผยผิวสุขภาพดีไม่มันเยิ้ม

8 วิธีทําให้ผิวแข็งแรง ฟื้นฟูผิว แก้หน้าหมองคล้ำ

วิธีไหนบ้างที่สามารถกู้หน้าหมองหน้าโทรมให้กลับมาสดใสอีกครั้ง

          เชื่อว่าปัญหาหน้าหมอง ไม่สดใส เป็นหนึ่งในปัญหาผิวหน้าที่สร้างความหนักใจให้กับหนุ่มสาวหลายคน  เนื่องจากเป็นปัญหาที่มีผลต่อบุคลิกภาพ ทำให้ขาดความมั่นใจจนไม่กล้าเผยหน้าผิวหน้า สุดท้ายเพื่อปกปิดความหมองคล้ำและเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง 

         คนส่วนใหญ่มักเลือกแก้ปัญหาด้วยการแต่งหน้าจัดทุกครั้งเวลาออกจากบ้านเพื่อปกปิดความหมองคล้ำ แม้ว่าจะเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา ทั้งรูขุมขนอุดตัน สิว ริ้วรอยก่อนวัย และการสะสมของสารเคมี ทั้งๆ ที่ยังมีวิธี แก้ หน้า หมอง ค ล้ํา อีกหลายวิธีที่สามารถทำได้ไม่ยากและเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ซึ่งทีมงาน Lovely Eye จะพาคนที่กำลังมีปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำไปดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่สามารถกู้หน้าหมองหน้าโทรมให้กลับมาสดใสอีกครั้ง

Table of Contents

  1. อาการโดยคร่าวของผิวหมองคล้ำสุขภาพไม่ดี ?
  2. สาเหตุที่ผิวหมองคล้ำเกิดจากอะไร ?
  3. เราจะฟื้นฟู ผิวหน้าของตัวเองได้อย่างไร ?

 อาการโดยคร่าวของผิวหมองคล้ำสุขภาพไม่ดี ?

อาการโดยคร่าวของผิวหมองคล้ำสุขภาพไม่ดี ?

         เหตุผลที่ทำให้ผิวหมองคล้ำลุกลามนอกจากหลายคนลืมสังเกตสุขภาพผิวหน้าของตัวเองแล้ว ยังเป็นเพราะเข้าใจว่าที่ผิวหน้าหมองคล้ำดูโทรมกว่าปกติ เกิดจากความเครียดชั่วขณะหรือพักผ่อนน้อย กว่าจะรู้ตัวก็ถูกปัญหาผิวหมองคล้ำ สิว หรือริ้วรอยเล่นงานจนยากที่จะรักษา หากไม่หาวิธีแก้หน้าหมองค ล้ําหรือเคล็ดลับหน้าใสไร้สิวในภายหลัง ควรหมั่นสังเกตผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งอาการที่เด่นชัดของปัญหาผิวหมองคล่ำที่สังเกตได้ไม่ยากคือ

  • ใบหน้ามีสีผิวไม่สม่ำเสมอ 
  • ผิวแห้งกร้าน ไม่ชุ่มชื่น
  • ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียน

สาเหตุที่ผิวหมองคล้ำเกิดจากอะไร ?

สาเหตุที่ผิวหมองคล้ำเกิดจากอะไร ?

หากถามว่าผิวหมองคล้ำเกิดจากสาเหตุใด แน่นอนว่าคำตอบที่ได้ย่อมมีหลากหลายคำตอบ เพราะสาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำ ดูโทรม ไม่สดใสนั้นมีหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น

  • หน้าหมองคล้ำจากแดด

         แม้ว่าแสงแดดตอนเช้ามีประโยชน์ช่วยสังเคราะห์วิตามินดีในร่างกาย แต่ถึงอย่างนั้นรังสี UVA (Long wave UVR หรือ Black light) และ UVB (Middle UVR หรือ Sunburn radiation) ในแสงแดดถือเป็นผู้ร้ายตัวสำคัญที่เป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาผิวมากมายและที่สำคัญการฟื้นฟูผิวจากแดดยังทำได้ยากอีกด้วย สำหรับรังสี UVA เป็นรังสีที่สามารถซึมลึกลงไปถึงผิวหนังชั้นและเข้าทำลายความหนาแน่นไขมัน คอลลาเจน และอีลาสตินในชั้นผิว ส่งผลให้เกิดความหมองคล้ำ ริ้วรอยก่อนวัย ฝ้า กระ จุดด่างดำ รวมทั้งยังสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง ส่วนรังสี UVB มีผลต่อแค่ผิวชั้นหนังกำพร้าและชั้นหนังแท้ด้านบน ทำให้เวลาตากแดดแรงๆ จะรู้สึกแสบร้อน ระคายเคือง และเกิดรอยตล้ำจากการไหม้แดด

  • ขาดสารอาหาร

         ‘อาหาร’ นอกจากเป็นแหล่งพลังงานที่ใช้ในการดำรงชีวิตประจำวันแล้ว วิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่ได้จากอาหาร อย่างโอเมก้า3 วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี โพลีฟีนอล โปรตีน ยังมีส่วนช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื่น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันรังสี UV จากแสงแดด ด้วยเหตุนี้การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จึงเป็นวิธีทําให้ผิวแข็งแรงไม่แพ้ง่าย หากขาดสารอาหารทำให้ผิวหมองคล้ำ ขาดความชุ่มชื้น และเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้

  • ปัญหาผิวขาดน้ำ

         เนื่องจากในเซลล์ผิวเองมีน้ำเป็นองค์ประกอบหลักกว่า 30% หากขาดน้ำหรือดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายมีผลระบบเลือดหมุนเวียนได้ไม่ดี  ผิวขาดความชุ่มชื่น คอลลาเจนในชั้นผิวลดลงขากความยืดหยุ่น  ทำให้ผิวมีปัญหาหมองคล้ำ หย่อยคล้อย และเกิดริ้วรอย นอกจากนั้นยังส่งเสียต่ออวัยวะส่วนอื่นๆ ตามมา ทั้งปากแห้ง ตาแห้ง และการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวั  ซึ่งตามเคล็ด ลับ หน้า ใส ไร้ สิว ไม่หมองคล้ำได้แนะนำว่าให้ดื่มนำ้อย่างน้อยวันละ 1.5 ลิตร

  • สภาพอากาศและมลภาวะ

         หลายคนอาจเข้าใจว่าการหลบแดดอยู่ในร่มและเปิดแอร์ให้ผิวเย็นอยู่ตลอดเวลาเป็นวิธี ทํา ให้ ผิว แข็งแรง ไม่ แพ้ ง่าย แต่ความจริงแล้วอากาศหนาวทำให้ผิวแห้งขาดความชุ่มชื่น หมองคล้ำ และเป็นขุย ส่วนฝุ่นละอองที่ปนเปื้อนอยู่ในอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นอนุภาพเล็กกว่า 10 ไมครอน สามารถแทรกซึมเข้าสู่เซลล์ผิวได้และเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นกับผิว เกิดความหมองคล้ำและรบกวนการทำงานของยีนในเซลล์ผิว

  • อายุและช่วงวัย

         สาเหตุเรื่องอายุและช่วงวัยถือเป็นสาเหตุที่เลี่ยงได้ยากที่สุด เพราะยิ่งอายุเพิ่มมากขึ้นคอลลาเจน อีลาสติน และความหนาแน่นของไขมันที่อยู่ในผิวชั้นหนังแท้และชั้นใต้ผิวหนังจะลดลง ทำให้ความชุ่มชื่นและความยืดหยุ่นของผิวลดลง รวมทั้งยังเกิดจุดด่างดำ ฝ้า กระ และรอยหมองคล้ำได้ง่าย

  • สุขภาพจิตใจและความเครียด

         เมื่อเกิดความเครียดหรือวิตกกังวลสมองจะหลั่งฮอร์โมนที่ชื่อว่าคอร์ติซอล (Cortisol) หรือ ฮอร์โมนแห่งความเครียดออกมากว่าปกติ ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้นอกจากจะส่งต่อความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์แล้ว ยังมีผลให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื่นลดลง เกิดการอักเสบระคายเคือง กระตุ้นการสร้างเม็ดสีผิว และเลือดมาเลี้ยงผิวน้อยลง เกิดปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ ผิวหยายกร้าน 

  • พฤติกรรมการนอนดึก

         การนอนดึกหรือนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอนอกจากเป็นต้นเหตุเปัญหาสุขภาพมากมายแล้ว ไม่ว่าโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมองในสมอง โรคซึมเศร้า ยังสะท้อนออกมาทางผิว ทั้งหน้าโทรม หน้าหมองคล่ำ สิว และริ้วรอย

  • ดื่มเหล้าสูบบุหรี่

         บุหรี่และแอลกอฮอล์จะมีสารพิษที่ทำลายเซลล์และเป็นอุปสรรค์ของการทำงาน ทั้งกระบวรการการสร้างเม็ดเลือด กระบวนการนำวิตามินเข้าสู่ผิวได้ การสร้างคอลลาเจนลดลง  การผลัดเซลล์ผิวมีความผิดปกติ ทำให้ผิวสะสมเซลล์ตาย เกิดความหมองคล้ำ หยาบกระด้าง และหย่อนคล้อยก่อนวัน

เราจะฟื้นฟู ผิวหน้าของตัวเองได้อย่างไร ?

เราจะฟื้นฟู ผิวหน้าของตัวเองได้อย่างไร ?

สำหรับคนที่กำลังมีปัญหาผิวหมองคล้ำ และมองหาวิธีแก้หน้าหมองคล้ําให้กลับมาสดใสอีกครั้ง สามารถใช้วิธีง่าย ๆ ดังนี้

1.ให้อาหารผิว บำรุงหน้าด้วยครีมและเซรั่ม

         การทาครีมหรือเซรั่มบำรุงผิวรับว่าเป็นวิธี แก้ หน้า หมอง ค ล้ําที่ง่ายที่สุดในการดูแลผิวจากภายนอก ซึ่งถึงปกติแล้วคนส่วนใหญ่จะทาครีมหรือเซรั่มบำรุงผิวกันเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่ปัญหาผิวหมองคล้ำควรให้ความสำคัญ ทั้งการทำความสะอาดผิวหน้าและการเลือกครีมบำรุงผิว โดยแนะนำว่าต้องทำความสะอาดกำจัดสิ่งสกปรกบนใบหน้าทุกวัน และสครับเซลล์ผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อสครับประมาณ 1 – 2 ครั้งต่อสัปดาห์  ส่วนผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าควรเลือกใช้ครีม เซรั่ม หรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนผสมช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว อย่างเซราไมด์(Ceramide) กลีเซอรีน (Glycerin) ซอร์บิทอล (Sorbitol) กรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic acid) เลซิติน (Lecithin) สควาเลน (Squalane) เซราไมด์ (Ceramides) หรือ เชียบัตเตอร์ (Shea Butter) จะทำให้ผิวมีความชุ่มชื่นมากขึ้น

2.นอนให้พอ

         คนที่ปัญหาผิวหมองคล้ำ ผิวโทรม ควรรีบปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอน จากที่เคยนอนดึกหรือนอนน้อยควรปรับมานอนในเวลา 20.00 – 22.00 น. และนอนอย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมงต่อวัน เนื่องด้วยเวลานอนหลับเป็นเวลาที่ร่างกายได้รับการพักเพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหลอและปรับการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น ระบบฮอร์โมนเกิดความสมดุล พร้อมอารมณ์ที่ดีขึ้น  เรียกว่าเป็นวิธีแก้หน้าหมองคล้ําที่ดีทั้งต่อร่างกายและจิตใจ

ดื่มน้ำบ่อยๆ อีกหนึ่งเคล็ดลับหน้าใสไร้สิวและวิธีทําให้ผิวแข็งแรง

3.ดื่มน้ำบ่อย ๆ 

         อีกหนึ่งเคล็ดลับหน้าใสไร้สิวและวิธีทําให้ผิวแข็งแรงไม่แพ้ง่ายที่ทุกคนควรให้ความสำคัญไม่แพ้การฟื้นฟูผิวจากแดดด้วยครีมหรือเซรั่มบำรุงผิวเนื่องด้วยมีการศึกษาวิจัยพบว่าการดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร ติดต่อกัน 30 วัน ทำให้ผิวกลับมาแข็งแรงและชุ่มชื้น จึงมีคำแนะนำว่าควรดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 1.5 ลิตร เพื่อเพ่ิมความชุ่มชื่นให้ผิวและกระตุ้นการทำงานของระบบการไหลเวียนเลือด แต่ทั้งนี้ไม่ควรดื่มน้ำมากเกินไป เพราะจะส่งผลเสียกับการทำงานของไต

4.เลิกเครียด

         ต้องยอมรับว่าการกำจัดความเครียดเป็นเรื่องที่ทำได้ค่อนข้างยากสำหรับหลายคน เพราะปัจจุบันแค่ลืมตาตื่นความเครียดก็พร้อมเข้ามาปะทะได้ทุกวินาที ทั้งจากข่าวสาร การทำงาน และการดำเนินชีวิตประจำวัย แต่หากคนที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำอยากเลิกเครียด แนะนำให้เริ่มด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต อย่างการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พยายามปรับตารางชีวิตให้ลงตัว และหมั่นฝึกจิตทำสมาธิเพื่อให้มีสติพร้อมรับมือกับความเครียด ซึ่งถ้าทำควบคู่ไปกับการฟื้นฟูผิวจากแดดและเคล็ดลับหน้าใสไร้สิวก็จะช่วยให้ผิวสุขภาพดีขึ้น

5.ทำใจให้เบิกบาน

         เวลาเครียดร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่มีชื่อว่าคอร์ติซอล แต่เวลามีความสุขร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุข อย่างฮอร์โมนโดพามีน (Dopamine)  เซโรโทนิน (Serotonin) และเอนดอร์ฟิน (Endorphin) ออกมาเช่นกัน ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้จะกระตุ้นให้ระบบไหวเวียนเลือดและผิวพรรณเปล่งปลั่งขึ้น สำหรับกิจกรรมที่แนะนำเพื่อกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุข ได้แก่ การออกกำลังกายประมาณ 3 – 4 ครั้งต่อสัปดาห์ การร้องเพลงเต้นรำ รับประทานอาหารที่ชื่นชอบ เล่นกับสัตว์เลี้ยง หรือทำกิจกรรมที่ตัวเองชื่นชอบเพื่อเพิ่มความรู้สึกมีความสุข

6.งดการดื่มเหล้าสูบบุหรี่

         อย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่าเหล้าและบุหรี่มีผลเสียต่อระบบในร่างกายมากมายไม่เว้นแม้แต่เรื่องผิวพรรณ โดยสารนิโคตินในบุหรี่และแอลกอฮอล์ในเหล้าส่งผลเสียต่อระบบร่างกาย ทำลายคอลลาเจนในชั้นผิว และแสดงออกด้วยความหมองคล้ำ ผิวโทรม และเหี่ยวก่อนวัย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนไม่ดื่มเหล้าสูบบุหรี่มีผิวที่ดีกว่าผู้ที่ดื่มเหล้าสูบบุหรี่เป็นประจำ

การฉีดเมโสหน้าใสเป็นการทำหัตถการแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำด้วยการฉีดแร่ธาตุเข้าสู่ผิว

7.ทำหัตถการฉีดเมโสหน้าใส

         การฉีดเมโสหน้าใสเป็นการทำหัตถการแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำด้วยการฉีดแร่ธาตุเข้าสู่ผิวหนังชั้นกลาง ซึ่งข้อดีคือ ช่วยแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ แก้ปัญหาผิวโทรม กระตุ้นให้ผิวสุขภาพดีขึ้น และเห็นผลเร็วกว่าการทาครีมหรือเซรั่มบำรุงหน้า โดยเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด แต่วิธีนี้ต้องฉีดทุก 2 สัปดาห์เพื่อรักษาสภาพผิว

8.ทำหัตถการฉีดฟิลเลอร์

         การฉีดฟิลเลอร์เป็นการทำหัตถการแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำด้วยการฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูโรนิคแอซิด (Hyaluronic Acid) เข้าไปยังชั้นใต้ผิวหนัง ซึ่งสารตัวนี้มีคุณสมบัติเก็บความชื้น ทำให้ผิวชุ่มชื้น ยืดหยุ่น ลดริ้วรอย อิ่มน้ำ และดูสุขภาพดี สำหรับข้อดีของการฉีดฟิวเลอร์คือ เห็นผลชัดเจนภายใน 2 สัปดาห์ และอยู่ได้นานสุงสุด 12 เดือน

สรุป

         โดยสรุปแล้วจะเห็นได้ว่าผลกระทบที่เกิดจากผิวหมองคล้ำนอกจากทำให้ดูโทรมจนสร้างความไม่มั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว หากปล่อยไว้ไม่วิธีแก้หน้าหมองคล้ําอาจทำให้มีปัญหาสิว ริ้วรอย และหย่อนคล้อยตามมา ดังนั้นนอกจากหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดผิวหมองคล้ำ ทั้งแสงแดด การขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อผิว พฤติกรรมส่วนตัวที่เป็นผลเสีย ความเครียด และหันกลับมาดูแลฟื้นฟูผิวจากแดดด้วยครีมบำรุงผิว ปรับพฤติกรรม ดื่มน้ำ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือทำหัตถการ เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้ผิวโทรมกลับมาสวยใสอีกครั้ง