fbpx วิธีมาส์กใต้ตาที่ถูกต้องทำยังไง ให้ฟื้นฟูผิวรอบดวงตาเห็นผลอย่างชัดเจน

วิธีมาส์กใต้ตาที่ถูกต้องทำยังไง ให้ฟื้นฟูผิวรอบดวงตาเห็นผลอย่างชัดเจน

lovelyeye-apr-2-cover.jpg

            สำหรับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำ หรือกังวลเรื่องของริ้วรอยแห่งวัยบริเวณใต้ตา หนึ่งในวิธีที่จะช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ คงหนีไม่พ้นกับการมาส์กใต้ตาที่กลายเป็นสกินแคร์รูทีนของหลายๆ คน แต่รู้หรือไม่ว่าการใช้มาส์กใต้ตาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งที่มาส์ก แต่ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้งานให้ถูกต้อง ซึ่งในบทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับการมาส์กใต้ตา และวิธีการมาส์กใต้ตาที่ถูกต้อง รวมไปถึงควรมาส์กใต้ตากี่นาทีในแต่ละครั้ง 

Table of Contents

การมาส์กใต้ตาเป็นขั้นตอนการบำรุงผิวรอบดวงตา

มาส์กใต้ตาทำงานอย่างไร? 

           การมาส์กใต้ตาเป็นขั้นตอนการบำรุงผิวรอบดวงตาที่ทุกคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่เชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนที่รู้ หรือเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของมาส์กใต้ตาที่ถูกต้อง โดยมาส์กใต้ตาจะมีลักษณะเป็นแผ่นมาส์กที่มีความโค้งเว้ารองรับกับใต้ตาได้ดี แผ่นมาส์กจะชุ่มไปด้วยเนื้อเซรั่มที่เน้นเพิ่มความชุ่มชื้น คืนความยืดหยุ่นให้กับผิว และช่วยปรับความกระจ่างใสใต้ตาเป็นหลัก 

           เมื่อนำแผ่นมาส์กมาทาบกับผิวบริเวณใต้ตาแล้ว จะทำให้เนื้อเซรั่มซึมซาบเข้าผิวได้ดีมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีแผ่นมาส์กช่วยผลักเซรั่มให้ทำงานเฉพาะจุด และสามารถนำเซรั่มที่เหลือจากซอง มาทาให้ทั่วหน้า และลำคอได้ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว และป้องกันริ้วรอยแห่งวัย เพราะสูตรเซรั่มของมาส์กใต้ตาส่วนมากจะมีคุณสมบัติเติมน้ำให้ผิว และจัดการกับริ้วรอยร่องลึกได้ดีเป็นพิเศษ 

การมาส์กใต้ตาให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด วิธีการมาส์กใต้ตาที่ถูกต้องมีอะไรบ้าง

วิธีการมาส์กใต้ตาที่ถูกต้องทำอย่างไร?  

           การมาส์กใต้ตาให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดไม่ได้เกี่ยวกับจำนวนครั้ง หรือความถี่ในการมาส์กแต่อย่างใด แต่เกี่ยวข้องกับวิธีในการมาส์กเป็นหลัก ยิ่งมาส์กได้ถูกต้องมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพิ่มความสามารถของมาส์กได้มากขึ้นเท่านั้น วิธีการมาส์กใต้ตาที่ถูกต้องมีอะไรบ้างนั้นไปติดตามกันได้ ดังนี้ 

1. วางให้ถูกต้อง 

           นำแผ่นมาส์กด้านที่มีความนุ่ม วางทาบกับผิวหนังบริเวณใต้ตา และกดให้เรียบกับผิวเพื่อให้แผ่นมาส์กช่วยดันเซรั่มให้ซึมซาบกับผิวได้ดี ใครที่มีปัญหาตีนกาสามารถที่จะเขยิบแผ่นมาส์กให้สูงเพื่อให้การมาส์กครอบคลุมปัญหาของตัวเองได้อย่างครบถ้วน 

2. ใช้เวลาอย่างเหมาะสม 

           หลายคนมักจะคิดว่ายิ่งทิ้งแผ่นมาส์กไว้นานมากเท่าไหร่ ก็เป็นการเพิ่มความชุ่มชื้น และรับผลประโยชน์จากการมาส์กได้มากขึ้นเท่านั้น นี่เป็นความเชื่อที่ผิดอย่างรุนแรง เพราะการปล่อยให้แผ่นมาส์กอยู่นานเกินไป จะเป็นการดูดความชุ่มชื้นออกจากผิวแทน 

           แล้วควรมาส์กหน้ากี่นาที? เวลาที่เหมาะสมสำหรับการมาส์กใต้ตาคือ 10-20 นาทีเพียงเท่านั้น ที่สำคัญไม่ควรมาส์กใต้ตาแล้ว ใช้พัดลม หรือมือพัดเพื่อให้มาส์กแห้งไวๆ เนื่องจากจะเป็นการทำให้เซรั่มที่ควรจะซึมเข้าสู่ผิว ระเหยออกไปจากแผ่นมาส์กแทน

3. กระตุ้นผิวด้วยนิ้ว

           ระหว่างที่มาส์กใต้ตา สามารถกระตุ้นการซึมซับของเซรั่มได้ด้วยการใช้ปลายนิ้ว เพียงใช้ปลายนิ้วแท็บบริเวณมาส์ก ซึ่งจะสัมผัสได้ถึงสารบำรุงที่ชุ่มผิว และความรู้สึกผ่อนคลายที่จะเพิ่มความสบายตัวในขณะที่มาส์กได้อีกด้วย 

4. มาส์กต่อเนื่อง

           จริงๆ แล้วการมาส์กใต้ตาไม่จำเป็นต้องทำทุกวัน แต่ควรมาส์กอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ และใต้ตาที่กระจ่างใส ดูสุขภาพ ความถี่ที่เหมาะสมสำหรับการมาส์กใต้ตาคือ 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยช่วงเวลาที่แนะนำคือ ช่วงก่อนเข้านอน จัดว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเตรียมตัวพักผ่อนด้วยนั้นเอง 

5. หาสูตรที่ตอบโจทย์ 

           เนื่องจากปัญหาใต้ตาของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไป ควรหาสูตรที่เหมาะสมกับปัญหาของตัวเอง โดยสารบำรุงที่มักจะพบเห็นในมาส์กใต้ตาได้แก่ กรดไฮยาลูรอนิก เน้นช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว เปปไทด์ ที่ช่วยปกป้องผิวจากริ้วรอยแห่งวัย หรือจะเป็น เรตินอล ที่ช่วยเพิ่มการผลิตคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น เป็นต้น 

lovelyeye-apr-2-3.jpg

มาส์กใต้ตาแพงมาก ใช้อะไรแทนได้บ้าง

           ถึงแม้ว่ามาส์กใต้ตาจะเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน แต่ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง ทำให้หลายๆ คนมองหาทางเลือกอื่นในการบำรุงใต้ตาของตัวเอง ซึ่งผักผลไม้จากธรรมชาติได้กลายเป็นตัวเลือกที่สามารถทดแทนการใช้มาส์กใต้ตาได้เป็นอย่างดี ในเนื้อหาส่วนนี้จะพาทุกคนมารู้จักกับสูตรมาส์กใต้ตาที่หาได้รอบตัว และได้ผลลัพธ์ดีแบบที่คาดไม่ถึง 

สูตร 1: มะเขือเทศ แตงกวา และน้ำผึ้ง

           นำมะเขือ และแตงกวามาบดให้เข้ากัน ก่อนที่จะเติมน้ำผึ้งลงไปเพิ่มประมาณ 1 ช้อนชา คนให้ทุกส่วนผสมกลายเป็นเนื้อเดียวกัน นำมามาส์กไว้ที่บริเวณใต้ตา 15-20 นาที และทำความสะอาดล้างออกให้เรียบร้อย สูตรนี้จะช่วยทำให้ใต้ตาดูกระจ่างใส ผิวดูกระชับ และช่วยลดริ้วรอยแห่งวัยได้ 

สูตร 2: แตงกวา มันฝรั่ง และสำลี

           สูตรนี้จะเป็นการนำแตงกวา และมันฝรั่งมาขูด เพื่อนำมาผสมให้เข้ากัน คั้นเอาแต่น้ำ และนำสำลีมาชุบน้ำแตงกวา และมันฝรั่งเพื่อนำไปมาส์กใต้ตา ระยะเวลาที่ควรมาส์กจะอยู่ราว 15-20 นาที โดยคุณสมบัติของมาส์กสูตรนี้คือ ช่วยลดอาการบวม และลดรอยคล้ำใต้ตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

สูตร 3: มะเขือเทศ และโยเกิร์ตสูตรธรรมชาติ

           อีกหนึ่งสูตรที่ทำได้ง่าย และช่วยลดความหมองคล้ำใต้ตาได้ดีไม่แพ้กัน เพียงนำมะเขือเทศมาบดให้ละเอียด และนำโยเกิร์ต 1 ช้อนชาโดยประมาณ คนให้เข้ากัน และนำมามาส์กที่ใต้ตาประมาณ 15-20 นาที และล้างออกให้สะอาด ทำแบบนี้ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์อย่างต่อเนื่อง ใต้ตาจะดูสว่างขึ้น ทำให้ใบหน้าดูสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ 

สูตร 4: ถุงชาที่มีความอุ่น

           สำหรับผู้ที่มีอาการบวมบริเวณใต้ตา นี่เป็นสูตรที่เหมาะอย่างมาก และไอเทมเดียวที่ต้องใช้คือ ถุงชาอุ่นๆ มาประคบบนเปลือกตา หรือใต้ตาได้เลย ถุงชาจะมีสารแทนนินที่ช่วยปลอบประโลม และลดอาการบวมได้เป็นอย่างดี ใครที่มีปัญหาอาการบวมใต้ตา วิธีนี้ไม่ควรพลาด

สูตร 5: นมสดแช่เย็น และสำลี

           สูตร D.I.Y ในการทำมาส์กใต้ตาไม่ได้ยากเสมอไป เพราะสูตรนี้เป็นการนำสำลีมาชุบกับนมสดแช่เย็น เพียงเท่านี้ก็ได้แผ่นมาส์กที่พร้อมสำหรับการมาส์กใต้ตาได้แล้ว สูตรนี้จะเป็นการเน้นทำให้อาการหมองคล้ำบริเวณใต้ตาดูกระจ่างใส และช่วยทำให้ผิวหนังใต้ตากระชับมากยิ่งขึ้น

วิธีที่ช่วยยกกระชับตาโดยการผ่าตัดถุงใต้ตา หรือการทำ thermage ตา

ทางเลือกยกกระชับตาอื่นๆ 

           มาส์กใต้ตาอาจจะเป็นหนึ่งในวิธีการแก้ไขปัญหาผิวหนังใต้ตาหมองคล้ำ ริ้วรอยร่องลึก หรือผิวแห้งขาดน้ำ แต่ในบางคนที่เลือกใช้วิธีการมาส์กใต้ตาแล้ว แต่ผลลัพธ์ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ และยังไม่หายจากปัญหาผิวที่เป็นอยู่ ยังมีอีกหลากหลายวิธีที่ช่วยยกกระชับตา และจัดการกับปัญหาผิวใต้ตาที่คอยก่อกวนได้ จะมีวิธีอะไรบ้างนั้นไปติดตามกันได้ ดังนี้

ผ่าตัดถุงใต้ตา

           การผ่าตัดถุงใต้ตาบนใบหน้าที่ช่วยแก้ไขปัญหาริ้วรอยแห่งวัยบริเวณผิวหนังใต้ตาให้กลับมาเต่งตึง ดูสดใสมากยิ่งขึ้น โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะผ่าตัดนำชิ้นเนื้อ หรือถุงไขมันบางส่วนบริเวณใต้ตาออก ซึ่งในบางกรณีแพทย์อาจมีการจัดเรียงถุงไขมันใต้ตาใหม่ให้ดูสวยงาม และตรงกับความต้องการของคนไข้แต่ละคนได้ด้วยเช่นกัน

Thermage ตา

           ในกรณีที่ไม่ต้องการผ่าตัด แต่ต้องการจัดการกับปัญหาผิวหนังใต้ตาหย่อน มีริ้วรอยร่องลึก หรือตาดูไม่สดใส ทางการแพทย์มีอีกหนึ่งวิธีในการรักษา นั้นคือ Thermage ตา ที่เป็นการใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง (Radio-Frequency) ยิงเข้าสู่ชั้นผิวหนังส่วนลึก เพื่อกระตุ้น และฟื้นฟูคอลลาเจนในชั้นผิวให้กลับมาแข็งแรง ส่งผลให้ชั้นผิวดูกระชับ เติมเต็มริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการมาส์กใต้ตา (FAQ)

           หลังจากที่ทำความรู้จักกับมาส์กใต้ตา และวิธีการมาส์กใต้ตาที่ถูกต้องกันไปแล้ว ในเนื้อหาสุดท้ายจะเป็นการเก็บตกประเด็นที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับการมาส์กใต้ตา เพื่อให้คลายทุกข้อสงสัย และเกิดความเข้าใจสูงสุด จะมีคำถามที่พบบ่อยอะไรบ้างนั้น ไปติดตามกันต่อได้

Q : มาส์กใต้ตาทุกวันได้ไหม

สามารถมาส์กใต้ตาได้ทุกวัน แต่ไม่จำเป็นต้องทำทุกวัน ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละบุคคล

Q : มาส์กใต้ตากี่ครั้งต่อสัปดาห์

แนะนำให้มาส์กใต้ตาอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ถือเป็นความถี่ที่เหมาะสม เมื่อใช้อย่างสม่ำเสมอจะสังเกตได้ถึงผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น 

Q : มาส์กใต้ตาควรมาส์กตอนไหน

แนะนำว่ามาส์กใต้ตาก่อนนอนจะเป็นช่วงที่เวลาที่ดีที่สุด เนื่องจากคุณสามารถที่จะผ่อนคลายกับการมาส์กใต้ตาได้อย่างเต็มที่ และจัดได้ว่าเป็นขั้นตอนในการเตรียมตัวพักผ่อนได้ด้วยในเวลาเดียวกัน

Q : มาส์กใต้ตายี่ห้อไหนดี?

ในแต่ละยี่ห้อตามท้องตลาดต่างก็มีคุณสมบัติ และสารสกัดที่แตกต่างกันออกไป เพื่อให้การประโยชน์สูงสุดจากการมาส์ก จำเป็นที่จะต้องรู้ และเข้าใจปัญหาใต้ตาของตัวเองเสียก่อนว่าตัวเองมีปัญหาอะไร จึงจะเลือกยี่ห้อ และสูตรที่เหมาะสมกับปัญหาได้อย่างตรงจุด 

สรุป

           การมาส์กใต้ตาเป็นหนึ่งในวิธีการดูแลผิวหน้าบริเวณใต้ตาที่หลายคนรู้จัก แต่น้อยคนนักที่จะรู้วิธีการทำงาน และวิธีการมาส์กที่ถูกต้อง เพราะผลลัพธ์ของการมาส์กไม่ได้ขึ้นอยู่จำนวนครั้งในการมาส์กใต้ตาแต่อย่างใด แต่ขึ้นอยู่กับวิธีการมาส์กที่ถูกต้อง ยิ่งเลือกมาส์กที่เหมาะสม จะดึงประโยชน์ของแผ่นมาส์กออกมาได้อย่างเต็มที่ นี่เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการ หรือสนใจมาส์กใต้ตาต้องรู้