fbpx ผิวขาดน้ำคืออะไร ส่งผลให้หน้าคล้ำอย่างไร? พร้อมวิธีแก้ไขให้ผิวชุ่มชื้น

ผิวขาดน้ำคืออะไร ส่งผลให้หน้าคล้ำอย่างไร? พร้อมวิธีแก้ไขให้ผิวชุ่มชื้น

 LovelyEye-May2-banner (1).jpg

          วาทกรรมความสวยงามที่มีมาตลอดเลยคือวาทกรรมความขาว หลายคนจึงมักหาวิธีมาดูแลผิวหน้าให้ขาวขึ้นกว่าสีผิวเดิมของตนเอง พยายามทำให้หน้ากระจ่างใสอยู่ตลอดเวลา โดยใช้วิธีตั้งแต่การทาครีมไวท์เทนนิ่งไปจนถึงการสครับผิวหน้า แต่สุดท้ายแล้วกลับมองข้ามในการเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว จนทำให้เกิดสภาวะผิวขาดน้ำ ที่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของผิวหน้าหมองคล้ำ

         หากอยากรู้ว่าผิวขาดน้ำคืออะไร ทำไมจึงไม่ควรมองข้ามปัญหานี้ และจะแก้ปัญหาอย่างไร เพื่อให้ผิวหน้ากลับมาดูสดใส ไม่ให้ผิวหน้าหมองคล้ำ สามารถติดตามได้ในบทความนี้

Table of Contents

  1. ผิวขาดน้ำคืออะไร
  2. ผิวขาดน้ำ VS ผิวแห้ง
  3. สังเกตลักษณะของผิวขาดน้ำ 
  4. สาเหตุที่ทำให้ผิวขาดน้ำ
  5. ผิวขาดน้ำ ส่งผลทำให้ใบหน้าหมองคล้ำได้อย่างไร
  6. ทำหัตถการเติมความอิ่มฟูให้ใบหน้าที่ไหนดี

ผิวขาดน้ำคือสภาวะที่ผิวนั้นขาดความชุ่มชื้นหรือในผิวมีน้ำอยู่น้อย

ผิวขาดน้ำคืออะไร

           ผิวขาดน้ำคือสภาวะที่ผิวนั้นขาดความชุ่มชื้นหรือในผิวมีน้ำอยู่น้อย อาจจะเกิดได้ในชั่วขณะหรือในช่วงที่ผิวได้รับความชุ่มชื้นไม่มากพอ ซึ่งสภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับในทุกสภาพผิวและทุกฤดูกาล

ผิวแห้งขาดน้ำ

           สำหรับผิวแห้งขาดน้ำคือสภาวะที่ผิวมีน้ำมันมาเคลือบอยู่บนผิวหน้า อาจจะมีความมันไม่มากเท่าไร แต่จะมีอาการผิวแห้งกร้าน หยาบ หลุดลอก และอักเสบได้มากกว่าผิวมันขาดน้ำ จึงทำให้ผิวมีความอ่อนแอและแพ้ได้ง่าย ในบางกรณีก็อาจจะเกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งผิวแห้งขาดน้ำอาจเกิดจากสภาพอากาศที่แห้ง เย็น หรืออาบน้ำร้อนเป็นประจำ 

ผิวมันขาดน้ำ

           คนที่มีผิวมัน มีความมันเคลือบบนใบหน้ามากกว่าสภาพผิวอื่น แต่ก็สามารถขาดน้ำได้เช่นกัน ซึ่งผิวมันขาดน้ำคือสภาวะที่ผิวมีน้ำมันเคลือบบนใบหน้าเป็นปริมาณมาก แต่ผิวยังแห้งและตึงอยู่ อาจก่อให้ผิวหน้ามีริ้วรอยและหมองคล้ำได้ สาเหตุหลักมักมาจากการที่ความมันบนหน้าหายไป แต่ไม่ได้มีการเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าเลย ต่อมไขมันจึงมีการสร้างไขมันออกมาในปริมาณที่มากกว่าเดิม เป็นการเติมเต็มและชดเชยความชุ่มชื้นที่หายไป จึงกลายเป็นปัญหาผิวมันขาดน้ำ อาจเกิดขึ้นได้จากการที่ใช้โฟมล้างหน้า ที่ทำให้หน้าตึงเกินไป หรือกำจัดความมันบนใบหน้าแบบผิดวิธี

ผิวขาดน้ำ VS ผิวแห้ง ต่างกันอย่างไร

ผิวขาดน้ำ VS ผิวแห้ง ต่างกันอย่างไร

           ลักษณะของผิวขาดน้ำจะขาดความชุ่มชื้น มีความมันและความแห้งผสมกัน เกิดขึ้นได้ในทุกสภาพผิวด้วย ถัดมาที่ผิวแห้ง สาเหตุหลักมักมาจากภายใน คือการที่ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาได้ไม่มาก จึงส่งผลให้ผิวแห้ง เพราะไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ได้นาน 

ผิวขาดน้ำ สังเกตได้ที่ผิวหน้ามีความมันเคลือบอยู่ แต่เมื่อสัมผัสแล้ว จะรู้สึกหน้าแห้ง

สังเกตลักษณะของผิวขาดน้ำ 

           ลักษณะที่เด่นชัดของผิวขาดน้ำ สามารถสังเกตได้ที่ผิวหน้ามีความมันเคลือบอยู่ แต่เมื่อสัมผัสแล้ว จะรู้สึกได้เลยว่าผิวหน้าแห้งมาก มีความกร้านและสาก จนทำให้หน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส ไม่เรียบเนียน 

สำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจว่าตนเองมีสภาวะผิวขาดน้ำหรือไม่ ลองสังเกตลักษณะตาม ดังนี้

  • มีผิวที่แห้ง แต่ในระหว่างวันกลับรู้สึกได้ว่ามีน้ำมันออกมาเคลือบที่ผิวหน้า หมายความว่าผิวหน้าขาดความชุ่มชื้นนั่นเอง จึงมีการผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติ
  • เมื่อสังเกตใบหน้าใกล้ๆ จะเห็นได้ว่าผิวมีรอยเป็นริ้ว ดูแห้งกร้าน ผิวดูโทรม ไม่ค่อยสดใส มาจากการที่ผิวมีน้ำไม่เพียงพอ เลยไม่อิ่มฟู ทำให้เห็นริ้วรอยได้ชัด
  • เมื่อลูบผิวหรือสัมผัสผิวหน้าจะรู้สึกได้ถึงความไม่เรียบเนียนหรือไม่มีความนุ่ม
  • ผิวแดง คัน หรือเกิดการระคายเคืองได้ง่าย
  • แต่งหน้าแล้วเครื่องสำอางอยู่ไม่ติดทน มีการหลุดร่อนระหว่างวัน

สาเหตุที่ทำให้ผิวขาดน้ำ มีทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก

สาเหตุที่ทำให้ผิวขาดน้ำ

สาเหตุที่ทำให้ผิวขาดน้ำ มีทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ซึ่งหากรู้สาเหตุที่แท้จริงแล้ว เราจะได้สามารถควบคุมและแก้ไขไม่ให้เกิดสภาวะผิวขาดน้ำได้ 

ปัจจัยภายใน

           เริ่มที่ปัจจัยภายในที่ทำให้เกิดสภาวะผิวขาดน้ำ มาจากโรคทางกรรมพันธุ์ เช่น โรคภูมิแพ้ผิวหนัง จนทำให้ไม่สามารถเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ได้ และมีอีกหนึ่งสาเหตุนั้นก็คือ อายุที่เพิ่มมากขึ้น เพราะในผู้สูงอายุจะมีการผลิตน้ำมันจากต่อมไขมันได้น้อยลง จึงทำให้เกิดการสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่ายขึ้น

ปัจจัยภายนอก

           ต่อมาเป็นปัจจัยภายนอกที่ทำให้เกิดผิวขาดน้ำ ซึ่งมีสาเหตุมาจากสารเคมี ในการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีสารเคมีรุนแรงเกินไป เมื่อนำมาชำระล้างผิวหน้าเพื่อกำจัดความมันที่เคลือบผิวออก ก็จะทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น นอกจากนี้ สภาพอากาศหนาวที่มีความชื้นต่ำ ทำให้น้ำในผิวสูญเสียง่ายขึ้น จนอาจทำให้ผิวหน้าอักเสบ ระคายเคืองจากการที่ผิวแห้งได้ รวมถึงไปถึงการดื่มน้ำไม่เพียงพอ พักผ่อนน้อย ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เมื่อออกไปข้างนอก เจอแสงแดดแล้วไม่ได้ทาครีมกันแดด เป็นต้น

ผิวขาดน้ำ ส่งผลทำให้ใบหน้าหมองคล้ำได้อย่างไร

           ผิวขาดน้ำ ที่ปริมาณน้ำในผิวลดลง สามารถส่งผลต่อชั้นผิวหนังกำพร้าได้ เมื่อชั้นผิวหนังกำพร้ามีความผิดปกติ การหลุดลอกของหนังกำพร้าก็จะผิดปกติตามไปด้วย เป็นการที่หนังกำพร้ามีการสะสมกันจนหนากว่าปกติ กลายเป็นขี้ไคลบนบริเวณผิวชั้นนอก และเมื่อสิ่งนี้เกิดปฏิกิริยากับออกซิเจน (Oxxidation) จึงสามารถส่งผลให้ใบหน้าดูหมองคล้ำ ดูไม่กระจ่างใส

วิธีเติมน้ำให้ผิวขาดน้ำ ดูอิ่มฟู กระจ่างใส

วิธีเติมน้ำให้ผิวขาดน้ำ ดูอิ่มฟู กระจ่างใส

           หากใครมีสภาวะผิวขาดน้ำไม่ต้องเป็นกังวล เพราะสามารถเติมน้ำให้กับผิวที่ขาดน้ำได้อยู่หลายวิธีด้วยกัน ตั้งแต่วิธีที่ทำได้ด้วยตนเอง ไปจนถึงวิธีการทางการแพทย์ เพื่อให้ผิวหน้ากลับมามีความชุ่นชื้น ดูอิ่มฟู มีความกระจ่างใส ไร้ความหมองคล้ำ โดยสามารถเลือกวิธีที่สะดวกได้ตามนี้

ดื่มน้ำ พักผ่อนให้เพียงพอ

           น้ำเป็นปัจจัยสำคัญของทุกชีวิต แต่ใช่ว่าทุกคนจะดื่มน้ำเพียงพอในแต่ละวัน การดื่มน้ำนอกจากจะเป็นสิ่งสำคัญกับร่างกายแล้ว ยังช่วยเติมน้ำให้ผิวดูอิ่มฟู  ยิ่งใครที่อายุมากขึ้น สัดส่วนน้ำในร่างกายก็จะยิ่งลดลง หากต้องการให้ผิวหน้าชุ่มชื้นขึ้น ควรดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย 

           นอกจากนี้การพักผ่อนก็สำคัญไม่น้อยไปกว่าการดื่มน้ำเลย เพราะการพักผ่อนทำให้ร่างกายได้ฟื้นฟูระบบต่างๆ  รวมถึงฟื้นฟูเซลล์ผิวด้วย หากนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ก็จะทำให้ผิวที่เคยขาดน้ำกลับมามีสุขภาพดีขึ้นได้

บำรุงผิวด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์

           การบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์มักเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม ซึ่งจริงๆ แล้ว นี่เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ในการดูแลผิวขาดน้ำ เพราะมอยส์เจอร์ไรเซอร์สามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับทุกสภาพผิว คนผิวมันก็สามารถใช้ได้ โดยควรเลือกมอยส์เจอร์ไรเซอร์ให้เหมาะกับสภาพผิวของตนเอง อย่างเช่นผิวมันควรใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์สำหรับผิวมันขาดน้ำ เป็นต้น

การทำหัตถการ

           สำหรับใครที่ทำมาทุกวิถีทางแล้วแต่ปัญหาผิวขาดน้ำยังไม่ดีขึ้น ยังมีวิธีการทางการแพทย์ นั่นคือการทำหัตถการเพื่อฟื้นฟูผิวขาดน้ำ ทั้งการฉีดฟิลเลอร์ การทำเมโสหน้าใส ที่จะทำให้ผิวหน้ามีความอิ่มน้ำได้อย่างรวดเร็ว เห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน 

           ยกตัวอย่างการฉีดฟิลเลอร์เพื่อฟื้นฟูผิวขาดน้ำคือ การที่ฉีดฟิลเลอร์เข้าไปเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยฟิลเลอร์จะมีการอุ้มน้ำ ผิวก็จะสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีและยาวนานขึ้น ส่วนการทำเมโสหน้าใสเพื่อฟื้นฟูผิวขาดน้ำคือ การที่ใช้เข็มฉีดหรือสะกิดให้ทั่วใบหน้า เพื่อนำวิตามินและสารอาหารเข้าสู่ผิว เพื่อให้มีความชุ่มชื้นมากขึ้น ทำให้ใบหน้าดูสดใส

หัตถการเติมความอิ่มฟูให้ใบหน้า

ทำหัตถการเติมความอิ่มฟูให้ใบหน้าที่ไหนดี

           ใครที่ต้องการทำหัตถการเพื่อเติมความอิ่มฟูให้กับใบหน้า ก่อนอื่นต้องเลือกดูสถานพยาบาลหรือคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีใบรับรองในการให้บริการ มีแพทย์เฉพาะทางผิวหนังโดยตรง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการทำหัตถการนั้นจะปลอดภัย ได้ผลจริง

           ทาง LOVELY EYE & SKIN ก็เป็นอีกคลินิกที่มีบริการทำหัตถการเติมความอิ่มฟูให้กับใบหน้า เช่น การฉีดฟิลเลอร์และการทำเมโส โดยมีแพทย์เฉพาะทางที่สามารถดูแลความงามของผิวพรรณและรูปร่างโดยเฉพาะ จึงสามารถวิเคราะห์ ให้คำปรึกษาในการแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด มีความละเอียดและแม่นยำ รวมถึงทางคลินิกมีการใช้เครื่องมือในการดูแลรักษาผิวที่มีมาตรฐานสูงระดับ World Class มั่นใจได้เลยว่าการทำหัตถการเพื่อฟื้นฟูผิวขาดน้ำที่ LOVELY EYE & SKIN จะได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดีและเหมาะสมกับผู้ที่เข้ามาใช้บริการแน่นอน

สรุป

           ผิวขาดน้ำเป็นปัญหาผิวที่ไม่ควรมองข้าม ไม่ว่าจะเป็นคนที่ผิวแห้งหรือผิวมัน หากสังเกตแล้วว่าตนเองมีสภาวะผิวขาดน้ำแล้ว ควรหาวิธีเติมน้ำให้กับผิวโดยด่วน ซึ่งการเติมน้ำให้กับผิว นอกจากจะทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นขึ้น กักเก็บความชุ่มชื้นได้ยาวนาน ยังสามารถทำให้ผิวหน้าดูมีริ้วรอยน้อยลง ใบหน้าดูสดใส แต่หากปล่อยให้ผิวขาดน้ำต่อไปเรื่อยๆ ก็จะทำให้ผิวหมองคล้ำ ใบหน้าดูโทรม ไม่สดใส รวมไปถึงทำให้ใบหน้าของเราดูมีอายุได้