ผิวหน้า เป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงบ่อยในกลุ่มคนที่รักผิว หรือสายสกินแคร์ ทว่า ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องผิวของตนเอง ทำให้ยังดูแลผิวหน้าที่ถูกต้องได้ไม่ดีพอ เชื่อว่าหลายคน อาจเคยได้ยินกันมาว่าผิวหน้านั้นมีหลายประเภท โดยหลักๆ ที่ได้ยินกันบ่อยก็จะมี ผิวแห้ง ผิวมัน และผิวผสม แต่จริงๆ แล้วประเภทผิวหน้ามีมากกว่านั้น แต่ว่าประเภทผิวหน้าจะมีกี่แบบ มีความแตกต่างกันอย่างไร และลักษณะผิวหน้าแต่ละประเภทควรได้รับการบำรุง หรือดูแลแบบไหน ใครที่อยากดูแลผิวหน้าให้สวยสดใส ตรงกับสภาพผิวของตนเอง มาหาคำตอบไปพร้อมกันในบทความนี้ได้เลย
Table of Contents |
ทำไมจึงต้องรู้จักประเภทผิวหน้าตนเอง
การทำความรู้จักว่าสภาพผิวหน้าว่ามีกี่ประเภท และผิวของเราจัดอยู่ในกลุ่มใด จะช่วยให้เราสามารถเลือกดูแลผิวหน้าได้แบบตรงจุดมากยิ่งขึ้น ทำให้ผิวหน้ามีสุขภาพดี เพราะผิวหน้าแต่ละประเภทก็จะเหมาะกับส่วนผสมในสกินแคร์ที่แตกต่างกันไป หากเรารู้จักผิวหน้าของตัวเองก็จะทำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ได้อย่างเหมาะสม และตรงกับความต้องการของผิวอย่างแท้จริง
ใช้ผลิตภัณฑ์ได้เหมาะสมกับผิวหน้า
หากรู้จักประเภทของผิวหน้า จะช่วยทำให้การเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าถูกต้องเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องทดลองสกินแคร์ไปเรื่อยๆ ไม่ต้องเสี่ยงการแพ้ ระคายเคือง สิวบุก สุขภาพผิวแย่ลง หรือผิวหน้าดูหมองคล้ำขึ้น เพราะฉะนั้น การเข้าใจ และรู้จักประเภทผิวหน้าของตัวเอง จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงการเกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นได้
ได้รับผลลัพธ์ที่ถูกต้อง
ทุกคนย่อมมีปัญหาผิวและต้องการหาวิธีแก้ อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ถ้าเรารู้ว่าผิวหน้าของตนเองนั้นมีลักษณะแบบใด ก็สามารถดูแล บำรุงผิวหน้าได้อย่างตรงจุดมากยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของการทำร้ายผิวหน้าจากการดูแลผิวอย่างไม่ถูกต้องและเหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง และจัดการกับปัญหาผิวกวนใจให้สิ้นซาก การรู้ว่าผิวหน้ามีกี่ประเภท และผิวหน้าของตนเองจัดอยู่ในกลุ่มใด จึงถือเป็นหัวใจสำคัญเลยทีเดียว
ผิวหน้ามีกี่ประเภทกันแน่?
ประเภทของผิวหน้าสามารถแบ่งได้เป็น 5 ประเภทด้วยกัน ซึ่งก็คือ ผิวแห้ง ผิวมัน ผิวผสม ผิวธรรมดา และผิวบอบบาง ซึ่งต่อไปนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับผิวแต่ละประเภทให้มากขึ้น เพื่อให้แต่ละคนสามารถแยกผิวหน้าของตัวเองว่าเป็นผิวประเภทไหน ต้องดูแลอย่างไรจึงจะเหมาะสมกับประเภทผิวหน้าของตนเอง
ผิวหน้าธรรมดา
ผิวหน้าธรรมดา (normal skin/neutral skin) เป็นผิวหน้าในฝันของใครหลายๆ คน เพราะเป็นผิวที่มีความสมดุล มีความชุ่มชื้นที่พอดี ไม่มัน หรือไม่แห้งจนเกินไป ผิวไม่เยิ้ม ไม่แห้งตึง ไม่เป็นขุย ผิวหน้าค่อนข้างเรียบเนียน เป็นสิวยาก ไม่เป็นรอยแดงง่าย หรือแพ้ง่าย
รู้ได้อย่างไรว่าเป็นผิวหน้าธรรมดา
วิธีสังเกตผิวของตนเองว่าเข้าข่ายลักษณะผิวหน้าธรรมดาหรือเปล่า สามารถสังเกตได้จาก
- ผิวมีความสมดุล ชุ่มชื้นพอดี
- หน้าไม่มันเยิ้ม
- ผิวหน้าไม่แห้งตึง
- ผิวหน้าเรียบเนียน
- รูขุมขนไม่กว้าง
- ไม่เป็นสิว หรือผิวแพ้ง่าย
การดูแลผิวหน้าธรรมดา
ถึงแม้ผิวหน้าธรรมดาจะเป็นผิวที่สมดุล ไม่มันหรือแห้งจนเกินไป ไม่ได้มีปัญหาโดยรวมที่น่ากังวลใจ แต่การดูแลผิวหน้าสำหรับผิวธรรมดาก็ยังถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ขาดไม่ได้ โดยจะเน้นไปที่การให้ความชุ่มชื้นกับผิว การดูแลผิวหน้าคนผิวธรรมดาทำได้ตามนี้
- คงความชุ่มชื้นอยู่เสมอ - ผิวธรรมดาถึงแม้จะมีความชุ่มชื้นอย่างเพียงพอ แต่ก็ยังต้องเติมน้ำให้ผิว โดยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีไฮยาลูโรนิคเอซิด หรือเซราไมด์ รวมทั้งดื่มน้ำให้เพียงพอ
- ทาครีมกันแดด - ครีมกันแดดคือสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ สำหรับทุกสภาพผิว ผิวหน้าธรรมดาสามารถใช้กันแดดได้ทุกแบบ แต่ถ้าอยากหลีกเลี่ยงกันแดดอุดตันผิว แนะนำให้ทากันแดดแบบ oil-free ได้
- ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ - อย่าลืมใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้น โดยทา 2 ครั้ง เช้า-เย็น หลังล้างหน้า
- ทำความสะอาดเครื่องสำอางก่อนนอน - แม้ว่าโอกาสการเกิดสิวของคนผิวธรรมดาจะน้อยกว่าผิวประเภทอื่น แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เป็นสิว ก่อนนอนควรทำความสะอาดเครื่องสำอางให้สะอาดหมดจดเพื่อลดโอกาสเกิดสิวจากเครื่องสำอางอุดตัน
- ล้างหน้าก่อนนอน - เลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสำหรับผิวธรรมดา เพื่อคงสมดุลผิวหน้า และต้องล้างหน้าก่อนนอนเพื่อขจัดสิ่งสกปรกจากมลภาวะที่พบเจอในแต่ละวัน
ผิวหน้าแห้ง
ลักษณะผิวหน้าแห้ง คือ ผิวที่มีความแห้ง เป็นขุย แลดูหยาบกร้าน ขาดน้ำ อาจรู้สึกตึงๆ ผิว ไม่ค่อยมีความยืดหยุ่น การผลิตน้ำมันบนผิวน้อย คนที่มีผิวแห้งมีโอกาสเกิดริ้วรอย แห้งคัน และแพ้ได้ง่าย
รู้ได้อย่างไรว่าเป็นผิวหน้าแห้ง
หากสังเกตว่าผิวตนเองเป็นแบบนี้ แสดงว่าผิวอยู่ในประเภทผิวหน้าแห้ง
- หน้าแห้ง ขาดน้ำ ไม่ค่อยมีน้ำมันบนผิว
- หน้าหมองคล้ำ
- ขาดความยืดหยุ่น
- ผิวหยาบกร้าน
- ผิวแห้งลอก เป็นขุย
- รู้สึกผิวตึง
- มีอาการคัน
- เห็นริ้วรอยได้ง่าย
สิ่งที่ทำให้เป็นผิวหน้าแห้ง
การเกิดผิวแห้ง มีหลากหลายสาเหตุ ดังนี้
- กรรมพันธุ์ - หากมีคนในครอบครัวที่ผิวแห้ง เป็นไปได้ว่าคุณมีผิวแห้งจากกรรมพันธุ์
- ฤดูกาล - ในช่วงหน้าหนาว หรือคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่อากาศหนาวเย็น และแห้ง ส่งผลให้เกิดผิวแห้งตามมาได้
- อาบน้ำนาน - การอาบน้ำนานทำให้ผิวถูกน้ำชำระล้างน้ำมันที่จำเป็นบนผิวออกไป ซึ่งทำให้เกิดผิวแห้งตามมา
- อายุ - อายุที่มากขึ้นส่งผลให้ต่อมผลิตน้ำมันบนผิวทำงานน้อยลง ทำให้ผิวแห้งเป็นขุยได้
การดูแลผิวหน้าแห้ง
การดูแลผิวหน้าแห้งให้มีความสมดุลนั้นไม่ยาก เพียงแค่ต้องหมั่นดูแลผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ผิวกลับมามีสุขภาพที่ดี โดยการดูแลผิวหน้าลักษณะแห้ง ทำได้ดังนี้
- ใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ - สิ่งสำคัญที่ผิวแห้งขาดไม่ได้เลยก็คือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาเพื่อผิวแห้งโดยเฉพาะ เพื่อให้หน้าได้รับความชุ่มชื้นเพียงพอ
- ไม่อาบน้ำนาน - อย่างที่รู้ว่าการอาบน้ำนานทำให้ผิวแห้งจากการสูญเสียน้ำมันบนผิว จึงควรใช้เวลาอาบน้ำให้น้อยลง และหลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ - ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อเติมน้ำให้ผิว ลดอาการแห้งตึงผิว
- ใช้สกินแคร์ที่ใช่ - เลือกสกินแคร์ที่ไม่มีน้ำหอม ไม่อุดตัน และไม่มีแอลกอฮอล์ เพื่อลดโอกาสเกิดผิวแห้ง
- ใช้กันแดด - แสงแดดทำร้ายผิว ยิ่งคนที่ผิวแห้ง การตากแดดเป็นเวลานานจะทำให้เกิดผิวแห้งแดง ลอก เกิดริ้วรอยได้ง่าย ควรทากันแดดประจำ และเลือกกันแดดที่ให้ความชุ่มชื้น
ผิวหน้ามัน
หน้ามันเป็นประเภทผิวหน้าที่สังเกตได้ง่าย จากการที่ผิวหน้าจะมีความมันเยิ้ม เกิดสิวง่าย เนื่องจากผิวที่ผลิตน้ำมันมากเกินไป จนไปอุดตันรูขุมขน เกิดรูขุมขนกว้าง แต่ข้อดีของผิวมันคือ โอกาสเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นน้อยกว่าผิวแบบอื่น
รู้ได้อย่างไรว่าเป็นผิวหน้ามัน
- หากสงสัยว่าผิวหน้าตนเองมีลักษณะผิวหน้ามันหรือไม่ สามารถสังเกตได้ ดังนี้
- ผิวหน้ามันเงา
- มีรูขุมขนเยอะ/รูขุมขนกว้าง
- มีสิวหัวดำ รอยแดง
- เป็นสิวง่าย
สิ่งที่ทำให้เป็นผิวหน้ามัน
ผิวหน้ามันเกิดได้หลากหลายสาเหตุด้วยกัน ใครที่กำลังประสบกับปัญหาผิวหน้ามัน อาจมีสาเหตุมาจาก
- กรรมพันธุ์ - สังเกตได้จากคนในครอบครัว หากมีคนในบ้านมีสภาพผิวหน้ามัน เป็นไปได้ว่าคุณมีผิวมันที่เกิดจากกรรมพันธุ์
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน - ฮอร์โมนเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดหน้ามัน ซึ่งมักเกิดในคนที่กำลังตั้งครรภ์ มีประจำเดือน หรือช่วงวัยเจริญพันธุ์
- รูขุมขนกว้าง - ต่อมน้ำมันที่ผลิตน้ำมันมากเกินไปทำให้เกิดรูขุมขนกว้าง เนื่องจากรูขุมขนขยายตัวเพื่อขับน้ำมันเหล่านี้ออกมา
- สภาพอากาศ - สภาพอากาศร้อน หรือร้อนชื้น ส่งผลให้ผิวมันมากขึ้นได้
- ขัดผิวมากไปหรือใช้สบู่ล้างหน้าแรงไป - การขัดผิวบ่อยๆ เป็นการไปรบกวนผิวและต่อมผลิตน้ำมัน ทำให้ผิวผลิตน้ำมันมากขึ้น รวมทั้งสบู่ล้างหน้าที่แรงไปทำให้ผิวแห้งตึง และเกิดการผลิตน้ำมันมาทดแทนน้ำมันผิวที่สูญเสียไป
การดูแลผิวหน้ามัน
ลักษณะผิวหน้าที่มัน เพิ่มโอกาสเกิดสิว และรูขุมขนกว้าง การบำรุงดูแลผิวหน้ามันจะช่วยรักษาสุขภาพผิวให้สมดุล ไม่มันจนเกินไป ซึ่งผิวมันสามารถดูแลผิวได้ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า - มือเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค ผิวมันเป็นสิวง่าย จึงไม่ควรเอามือไปบีบจับสิว เพราะยิ่งทำให้ผิวแย่ลง
- คงความชุ่มชื้นตลอด - คงความชุ่มชื้นผิวด้วยการดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ผิวจะได้ไม่ผลิตน้ำมันส่วนเกิน
- ให้ความชุ่มชื้นอย่างเสมอ - เพิ่มความชุ่มชื้นผิวด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ เพื่อลดการผลิตน้ำมันที่มากเกินไป โดยเลือกมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีเนื้อบางเบา หรือเนื้อเจล
- ล้างหน้าวันละ 2 รอบ - ล้างหน้าวันละ 2 รอบ เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและแบคทีเรียบนผิวหน้า แต่ไม่ใช่ว่ายิ่งมันก็ยิ่งล้างหลายรอบ เพราะนั่นจะทำให้ผิวแพ้ง่าย และมันมากขึ้น
- ใส่ใจกับส่วนผสมต่างๆ ในเครื่องสำอาง - ผิวมันเกิดสิวง่าย จึงต้องพิถีพิถันในการเลือกส่วนผสมต่างๆ เน้นเลือกใช้เนื้อผลิตภัณฑ์ที่ไม่หนักหน้า ไม่อุดตันรูขุมขน
ผิวหน้าผสม
ผิวผสมคือลักษณะผิวหน้าที่ผสมระหว่างประเภทผิวหน้า 2 แบบ ซึ่งก็หมายความว่า บางส่วนบนใบหน้านั้นมีความแห้ง ในขณะที่บริเวณอื่นเป็นผิวมัน หรือในบางครั้งก็เป็นผิวมันผสมกับผิวธรรมดา โดยบริเวณที่ผิวมันมักจะเป็นบริเวณทีโซน (T-zone) ส่วนบริเวณแก้มจะมีความแห้งกว่า สิ่งที่ต้องระมัดระวังสำหรับคนที่มีผิวผสมก็คือแสงแดด เพราะผิวประเภทนี้ไวต่อแดดนั่นเอง
รู้ได้อย่างไรว่าเป็นผิวหน้าผสม
ใครที่กำลังสงสัยว่าตนเองมีลักษณะผิวหน้าผสมหรือเปล่า ลองสังเกตตนเองดูได้ตามนี้
- ผิวมันช่วงทีโซน (T-zone) และมีผิวแห้งช่วงหน้าแก้ม
- สิวมักจะขึ้นบริเวณ หน้าผาก จมูก และคาง
- ผิวมันเงา
- ผิวบริเวณแก้มมีความบอบบาง
- รูขุมขนกว้าง
สิ่งที่ทำให้เป็นผิวหน้าผสม
สาเหตุที่ทำให้เกิดผิวหน้าแบบผสม มีดังต่อไปนี้
- กรรมพันธุ์ - หากพบว่ามีคนในครอบครัวมีผิวผสม ก็เป็นไปได้สูงว่าอาจจะมีผิวผสมจากกรรมพันธุ์
- สภาพอากาศ - ถ้าสังเกตได้ว่าเมื่อสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงผิวก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย เช่น หน้าร้อนก็มีผิวที่มันมาก หรือพอหน้าหนาว อากาศแห้งและเย็น ก็มีอาการหน้าแห้งตามมา อาจเป็นไปได้ว่าคุณมีผิวผสม
- ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้า - บางครั้งการใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมแรงๆ อาจทำลายเกราะป้องกันผิว และทำให้ผิวหน้ามัน โดยเฉพาะบริเวณ T-zone
ดูแลผิวหน้าผสม
ผิวหน้าผสมก็คือผิวที่มีประเภทผิวหน้าถึง 2 แบบ เพราะฉะนั้น การดูแลให้ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อคงความชุ่มชื้น และสุขภาพผิวที่ดีไว้ได้อย่างสมดุล การดูแลผิวหน้าผสม ทำได้ตามนี้
- ใช้คลีนเซอร์ - คนผิวผสมผิวจะมันบริเวณ T-zone จึงต้องทำความสะอาดให้ดีเพื่อลดการอุดตัน โดยเลือกใช้คลีนเซอร์ที่มีความอ่อนโยน
- ทาครีมกันแดด - ผิวผสมควรเลือกใช้กันแดด Oil-free
- ขัดผิวอย่างอ่อนโยนนานๆ ครั้ง - ขัดผิวอย่างอ่อนโยน แต่อย่าบ่อย เพราะจะกลายเป็นการกำจัดน้ำมันดีบนใบหน้าออกไป
- ใช้สกินแคร์ของผิว 2 ประเภทแยกกัน - หากเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวประเภทใดประเภทหนึ่งไปเลยอาจจะไม่เหมาะ ควรใช้สกินแคร์ของผิว 2 ประเภทแยกกัน เช่น มอยส์เจอไรเซอร์เนื้อเบาบริเวณทีโซน และมอยส์เจอร์ไรเซอร์ผิวแห้งบริเวณแก้ม
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำมันหรือปราศจากน้ำหอม - เลือกผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำมัน เพื่อไม่ให้เกิดการอุดตันบริเวณทีโซน และปราศจากน้ำหอม เพื่อที่จะไม่ไปรบกวนผิว และยังช่วยปลอบประโลมผิวแห้งได้อีกด้วย
ผิวหน้าบอบบาง
ผิวหน้าบอบบางเป็นประเภทผิวหน้าที่เกิดการระคายเคืองได้ง่าย และตอบสนองกับสิ่งต่างๆ ได้ไวกว่าผิวประเภทอื่นๆ ผิวหน้าประเภทนี้บอบบาง เป็นรอยแดง แพ้ได้ง่าย ซึ่งผิวบอบบางสามารถแบ่งออกได้เป็น ผิวบอบบางและมัน, ผิวบอบบางและแห้ง, ผิวธรรมดาแพ้ง่าย คนที่มีผิวบอบบางจึงต้องระมัดระวังในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะต้องระมัดระวังในเรื่องสภาพแวดล้อม หรือส่วนผสมต่างๆ ในสกินแคร์
รู้ได้อย่างไรว่าเป็นผิวหน้าบอบบาง
จะรู้ได้อย่างไรว่ามีลักษณะผิวหน้าที่บอบบาง? ผิวหน้าบอบบางเป็นผิวหน้าที่สังเกตได้ค่อนข้างง่าย จะมีอะไรบ้างไปดูกัน
- ผิวมีความคัน รู้สึกตึง
- ผิวหน้าไม่สม่ำเสมอ
- เวลาอาบน้ำอุ่นผิวจะแดง
- หน้าแดงเวลากินเผ็ด
- ผิวหน้ามันในช่วงหน้าร้อน และแห้งในช่วงหน้าหนาว
- ไวต่อสกินแคร์ต่างๆ
ผิวหน้าแพ้ง่ายเหมือนกับผิวหน้าบอบบางหรือไม่
ถ้าผิวหน้าของคุณแพ้ฝุ่น ไม่ได้หมายความว่าผิวหน้าของคุณบอบบางแพ้ง่ายเสมอไป อย่างในการใช้สกินแคร์บางตัว เราอาจจะแพ้ส่วนผสมบางอย่างในนั้น แต่ไม่ได้เป็นตัวแสดงว่าคุณเป็นคนที่มีลักษณะผิวหน้าบอบบางแพ้ง่าย หากพบว่าตนเองมีผิวบอบบางแพ้ง่ายควรหลีกเลี่ยงส่วนผสมสกินแคร์ที่มีความรุนแรงต่อผิว
การดูแลผิวหน้าบอบบาง
ผิวหน้าบอบบางจำเป็นต้องรู้จักวิธีการดูแลอย่างถูกวิธี เพราะเป็นลักษณะผิวหน้าที่เกิดการระคายเคืองได้ง่าย ซึ่งการดูแลผิวหน้าบอบบางสามารถทำตามได้ ดังนี้
- ทดสอบผลิตภัณฑ์ก่อนใช้ทุกครั้ง - ก่อนการใช้สกินแคร์สำหรับคนที่มีผิวบอบบางควรทำการทดสอบผลิตภัณฑ์นั้นๆ ก่อน โดยทดลองทาบริเวณใต้ท้องแขน ประมาณ 24 ชั่วโมง หากไม่มีอาการแพ้ก็สามารถใช้ได้
- ไม่ควรมีขั้นตอนในการใช้สกินแคร์มากไป - คนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย จะไวต่อส่วนประกอบในสกินแคร์มาก ดังนั้น ไม่ควรใช้สกินแคร์หลายตัว เพราะทำให้เสี่ยงเกิดอาการระคายเคือง และเมื่อเกิดการแพ้ก็สามารถจับจุดได้ว่าส่วนประกอบใดที่ทำให้แพ้
- อย่าเชื่อฉลาก “Hypoallergenic” ง่ายๆ - ถึงแม้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นจะออกแบบมาเพื่อผิวแพ้ง่าย แต่สำหรับคนที่ผิวบอบบางแล้ว ต้องทดสอบก่อนใช้เสมอ
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อน - อย่างที่รู้ๆ กันว่าการอาบน้ำร้อนทำให้น้ำมันที่จำเป็นต่อผิวบางส่วนถูกชะล้างออกไป และทำให้ผิวแห้งแดง
สรุป
ผิวหน้านั้นมีทั้งหมด 5 ประเภท ไม่ว่าจะเป็นผิวมัน ที่มีลักษณะมันเงา ง่ายต่อการเกิดสิว ผิวแห้ง ขาดน้ำ เป็นขุย ผิวผสมที่มีลักษณะของผิวทั้ง 2 ประเภทรวมอยู่ด้วยกัน ผิวธรรมดาที่มีความสมดุล ไม่แห้ง ไม่มันจนเกินไป และสุดท้ายคือ ผิวบอบบางแพ้ง่าย แต่ถ้าใครยังไม่แน่ใจว่าตัวเองมีลักษณะผิวแบบใด และอยากได้คำแนะนำจากทีมแพทย์เฉพาะทาง สามารถเข้ามาปรึกษากับ LOVELY EYE & SKIN ที่นี่มีแพทย์ดูแลความงามของผิวพรรณและรูปร่างโดยเฉพาะ สามารถวิเคราะห์ แก้ไขปัญหาผิวได้อย่างละเอียดแม่นยำ โดยใช้เครื่องมือที่มีมาตรฐานระดับ world class อ่านเพิ่มเติมบทความ รวมอาหารบำรุงผิวชะลอวัย ช่วยบำรุงให้ผิวหน้าแข็งแรง แลดูอ่อนเยาว์