fbpx หน้าเรียบ ลดรอยสิว หลุมสิวและกระชับรูขุมขน

รักษารอยสิว รูขุมขนกว้าง หลุมสิว และรอยแตกลาย

 

ลดรอยสิว หลุมสิวและกระชับรูขุมขน

           ปัญหาผิวใบหน้าไม่เรียบเนียนเป็นปัญหาใหญ่สำหรับสาวๆ หรือแม้กระทั่งหนุ่มๆหลายท่าน บางท่านพยายามแต่งหน้าเพื่อกลบหลุมสิว รอยสิว หรือรูขุมขนบริเวณใบหน้า แต่ก็ไม่ได้สามารถกลบได้ สาเหตุของผิวหน้าไม่เรียบเนียนมีหลายประการดังนี้

  • แผลเป็น เกิดจากกระบวนการซ่อมแซมของร่างกายต่อการฉีกขาดของเนื้อเยื่อซึ่งมีการสร้างเส้นใย collagen ใหม่มาทดแทนเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายไป แต่การซ่อมแซมของร่างกายนั้นไม่เหมือนกับผิวหนังก่อนการถูกทำลาย ทำให้เกิดแผลเป็นขึ้น ซึ่งแผลเป็นหลายชนิดทำให้ผิวไม่เรียบโดยเฉพาะบริเวณใบหน้า สาเหตุมักเกิดจากการอักเสบบริเวณใบหน้าได่แก่ อีสุกอีใส และสิวอักเสบทำให้เกิดหลุมสิวขึ้น นอกจากนี้ในคนไข้บางรายอาจมีพังผืดยึดบริเวณชั้นใต้ผิวหนังร่วมด้วย มีลักษณะเป็นหลุมลึก
  • รูขุมขนกว้าง สาเหตุหลักคือพันธุกรรม และผิวดั้งเดิมของผู้ป่วย มักเกิดบริเวณผิวส่วนที่มัน หรือบริเวณ T-zone นอกจากนี้ยังสามารถเกิดจากการอุดตันของไขมันจากการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง และอาหารจำพวกการทอด หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ซึ่งกระตุ้นให้ผิวเกิดการผลิตความมันออกมามากกว่าปกติ เป็นต้น
  • ผิวหนังหย่อนยาน (skin Laxity) และริ้วรอยเหี่ยวย่นบริเวณใบหน้า (wrinkle) ซึ่งเป็นผลจากการที่ผิวหนังถูกรังสีอัลตราไวโอเลตติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน

วิธีการรักษารอยสิว รูขุมขนกว้าง หลุมสิว

  • การลอกผิวด้วยสารเคมี  (Chemical peeling) อาทิเช่น การแต้มกรด Trichloroacetic acid (TCA) 
  • การกรอผิวด้วยวิธี Dermabrasion เช่น การใช้แรงดันน้ำ O2Jetpeel 
  • ยาทาในกลุ่มของกรดวิตามินเอ และ AHA ซึ่งช่วยในการผลัดเซลล์ผิว การทำทรีทเมนท์ที่ประกอบด้วยการผลัดเซลล์ผิว ก็สามารถช่วยได้กรณีหน้าไม่เรียบจากรูขุมขนกว้าง
  • การทำ Subcision เป็นการเลาะพังผืดบริเวณใต้หลุมสิว หรือแผลเป็นบางชนิด อาทิเช่น หลุมสิวลักษณะแอ่งกะทะ สามารถช่วยให้ใบหน้าที่ยุบตัวจากการมีพังผืดบริเวณใต้ผิวหนังนั้นคลายลงได้ แพทย์จะทำการฉีดยาชา และใช้เข็มเลาะพังผืดบริเวณใต้ผิวหนัง และกระตุ้นการสร้างผิวใหม่ที่เรียบขึ้น
  • การใช้เลเซอร์เพื่อปรับสภาพผิว (Laser Resurfacing) เป็นการรักษารอยสิวที่ได้ผลดี ได้แก่ Fractional RF laser , Fractional CO2 laser และ Erbium laser

            การใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ (Radiofrequency; RF)  ปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีคลื่นวิทยุมาทำให้เป็น Fractional ซึ่งสามารถทำให้เกิดการทำลายผิวหนัง เกิดการแข็งตัวของเลือด และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ในเวลาเดียวกัน ข้อดีคือแผลที่เกิดบริเวณผิวหนังชั้นนอก (Epidermis) นั้นจะมีขนาดเล็ก (Sublative) ทำให้เกิดผลข้างเคียงน้อย ระยะเวลาการพักฟื้นสั้นลง (minimal downtime) และเน้นการกระตุ้นผิวหนังด้านล่าง (dermis) ได้มาก ทำให้มีประสิทธิภาพในการซ่อมแซม และกระตุ้นการสร้างผิวใหม่และคอลลาเจนได้ในเวลาเดียวกัน ช่วยฟื้นฟูทั้งผิวส่วนบน และเพิ่มความอ่อนวัยและยกกระชับจากการกระตุ้นในส่วนล่าง มีประโยชน์ทั้งในการรักษารอยสิว หลุมสิว กระชับรูขุมขน ริ้วรอย ผิวไม่เรียบเนียนรวมถึงผิวหย่อนคล้อยได้อีกด้วย

การรักษารอยสิว หลุมสิว รูขุมกว้าง และพื้นผิวใบหน้า ด้วยโปรแกรม Smooth Plus

           ใช้การผสมผสาน นวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับการรักษารอยสิว หลุมสิว รูขุมขนกว้าง รอยแผลเป็น และรอยแตกลาย  เช่น เครื่อง EndyMed’s 3DEEP มาใช้ในการรักษาที่คลินิก ซึ่งใช้เทคโนโลยี Subablative RF ที่ทันสมัย ไม่มีเข็ม ได้รับการรับรองจาก FDA สหรัฐอเมริกา ซึ่งให้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ และยังมีจุดเด่นในการปล่อยพลังงานลงลึกหลายชั้น (Multilayer effect)  นอกจากนี้ทางคลีนิกยังมีการรักษาด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพร่วมกัน และเลือกให้เหมาะตามปัญหาเฉพาะบุคคลมากที่สุด  เช่น ใช้ยาทา และการทำทรีทเม้นท์เพื่อช่วยบำรุงผิว ผลัดเซลล์ผิว และช่วยคงสภาพความเรียบให้ดียิ่งขึ้น

Smooth-Plus.jpg

 
ผลการรักษารอยสิว หลุมสิวบนใบหน้าด้วยโปรแกรม Smooth Plus
The result may vary depending on each person. ผลลัพธ์การผ่าตัด แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

           รักษาแผลเป็น และรอยแตกลายตามผิวหนัง  ปัญหาผิวแตกลาย หรือการมีรอยแผล เป็นอีกปัญหาใหญ่ที่ทำให้สาวหลายๆ คนหนักใจเป็นอย่างมากไม่แพ้กับปัญหาที่เป็นอุปสรรคอื่นๆ ที่มาขัดขวางความงามของผิวพรรณ  โดยเฉพาะผิวแตกลาย เป็นปัญหาผิวที่ไม่พึงปรารถนาสำหรับสาวๆ เป็นอย่างยิ่ง ส่วนมากจะพบในหญิงตั้งครรภ์ ที่หน้าท้องมีการยืดขยาย หรือแม้แต่ในหมู่สาวๆ ทั่วไปก็มีโอกาสเจอกับปัญหาผิวนี้ได้เช่นกัน โดยส่วนมากจะพบกับปัญหาผิวแตกลายในบริเวณ หน้าท้อง สะโพก ต้นขา 

B&A USA Interactive (dragged) 9.png
ผลการรักษาหน้าท้องแตกลายด้วยโปรแกรม Smooth Plus
The result may vary depending on each person. ผลลัพธ์การผ่าตัด แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

สาเหตุของผิวแตกลาย  สาเหตุสำคัญของปัญหาผิวแตกลายนั้น เกิดจากการยืดขยายต่อเนื่องของผิวหนัง และเนื้อเยื่อในเวลาอันรวดเร็วไม่กี่เดือน ทำให้เกิดการทำลายโครงสร้างคอลลาเจนของผิว สามารถพบเจอบ่อยที่สุดในผู้หญิงตั้งครรภ์ มักเป็นบริเวณท้อง หรือหน้าอก ยังสามารถพบได้บ่อยในกลุ่มคนที่อ้วนอย่างรวดเร็ว หรือในวัยรุ่นที่กำลังสูงอย่างรวดเร็ว โดยทั่วไปเราสามารถพบผิวแตกลายได้บ่อยในที่ต้นขาด้านนอก หลังด้านล่าง หรือสะโพก อีกกลุ่มหนึ่งที่มีโอกาสมีปัญหานี้คือ กลุ่มคนที่กินยากลุ่มสเตียรอยด์นานๆ มักมีรอยแตกลายใหญ่ และเป็นหลายที่รวมถึงบนใบหน้า หรือการทาครีมที่มีสเตียรอยด์ความเข้มข้นสูงนานเกินไปก็ทำให้เกิดรอยแตกลายตามผิวหนังได้

รอยแผลเป็นตามผิวหนัง  เมื่อร่างกายเราเกิดบาดแผลขึ้นจากสาเหตุต่างๆ  เช่น  แผลจากการถูกของมีคมบาด แผลจากอุบัติเหตุ แผลไฟไหม้ แผลจากสิว หรือแผลจากการผ่าตัดเป็นต้น  โดยปกติแล้วร่างกายของเราจะมีกระบวนการรักษาบาดแผลที่เกิดขึ้นตามร่างกาย โดยร่างกายของเราจะทำการสร้างชั้นเนื้อเยื่อ และคอลลาเจนขึ้นมาทดแทนเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายไป ซึ่งเป็นกระบวนการรักษาแผลตามธรรมชาติ และเมื่อบาดแผลหายดีแล้วก็จะปรากฏเป็นรอยแผลเป็นขึ้นมาบริเวณผิวหนัง

รอยแผลเป็น (Scar) เป็นรอยแผลที่เกิดขึ้นจากการซ่อมแซมของเนื้อเยื่อที่ผิดปกติ  ทำให้เกิดเป็นรอยแผลที่แตกต่างจากผิวหนังปกติ  ทั้งนี้รอยแผลเป็นจะมีความหนักหรือเบานั้นขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัย ได้แก่ ปัจจัยความรุนแรงของแผล หรือการฉีกขาดของเนื้อเยื่อตื้นลึกเพียงใด และปัจจัยการรักษาแผลของเราว่ารักษาแผลดีแค่ไหน ถ้ามีการดูแลรักษาที่ดี และทำให้แผลหายเร็ว รอยแผลเป็นก็จะลดน้อยลง เมื่อเปรียบเทียบกับการดูแลรักษาที่ไม่ดี                                         

ประเภทของรอยแผลเป็น

รอยแผลเป็นนั้นจะมีด้วยกันหลายประเภท  แต่เราสามารถแบ่งออกมาให้เห็นชัดเจนได้ 6 ประเภทด้วยกัน  ดังนี้

1.) Mature scars เป็นรอยแผลเป็นที่ไม่มีความผิดปกติ  มักเกิดกับรอยแผลที่เกิดจากการถูกของมีคมบาด ลักษณะเป็นแผลเรียบ สีจะมีลักษณะใกล้เคียงกับสีผิวหนังปกติ 

2.) Atrophic scars เป็นรอยแผลเป็นที่รอยต้นกำเนิดแผลลึกลงไปจากผิวหนัง มีสีของแผลใกล้เคียงกับสีผิวหนังปกติ ส่วนใหญ่เป็นรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว

3.) Stretched scars เป็นรอยแผลเป็นแบบเรียบ แข็ง ไม่นูน รอยแผลเป็นจะมีสีจางกว่าสีผิวหนังปกติ  มักเป็นรอยแผลเป็นที่เกิดจากการผ่าตัด

4.) Contracted scars เป็นรอยแผลเป็นที่มีการหดรั้งของชั้นผิวหนัง  มักเกิดบริเวณข้อต่างๆ  เช่น  ข้อศอก  ข้อมือ

5.) Hypertrophic scars มักเป็นรอยแผลเป็นที่เกิดจากบาดแผลที่มีการฉีกขาดมาก หรือบาดแผลที่มีความลึกมาก มีลักษณะแผลเป็นที่เป็นสีแดงและนูนขึ้นมาจากผิวหนังปกติ แต่ยังอยู่ในขอบเขตของรอยแผลเดิม แผลเป็นชนิดนี้เกิดจากการสร้างคอลลาเจนมากเกินไปและมักไม่ขยายกว้างขึ้นจากรอยเดิม โดยมักจะเกิดขึ้นภายใน 1 เดือน หลังแผลหาย และมักจะค่อย ๆ ยุบตัวแบนราบลงเมื่อเวลาผ่านไปเป็นเดือน หรือเป็นปี

6.) Keloids แผลเป็นที่มีอาการนูน และแดงคล้ายกับรอยแผลเป็นนูนหนาชนิดแรก ตัวแผลมักนูนเหนือผิวหนัง ขอบเขตแผลมีการขยายกว้างมากกว่ารอยแผลเดิม มีสีเข้มกว่าสีผิวหนังปกติ  จะมีอาการคันและระคายเคืองในช่วงแรก