fbpx วิธีรักษาสิวด้วยตัวเองอย่างถูกวิธี เผยผิวเนียนใส ทำเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน

วิธีรักษาสิวด้วยตัวเองอย่างถูกวิธี เผยผิวเนียนใส ทำเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน

 วิธีรักษาสิวด้วยตนเอง

       ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาเรื่องสิวเป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่สำคัญและเกิดขึ้นได้กับทุกคน ด้วยเหตุนี้ทำให้หลายๆ คนพยายามมองหาวิธีรักษาสิวด้วยตัวเองกัน เพราะสิวนั้นมีหลากหลายชนิด วิธีการดูแลรักษาจึงแตกต่างกันออกไป ในบทความนี้ได้รวบรวมวิธีการรักษาสิวด้วยตัวเองให้ถูกวิธี และถูกสุขอนามัยมาไว้ให้คุณจัดการปัญหาสิว เพื่อเผยผิวเรียบเนียนกันแบบง่ายๆ ได้ที่บ้าน จะมีวิธีอะไรบ้างนั้นไปติดตามกันได้เลย 

Table of Contents

  1. ปัญหาสิว คืออะไร
  2. สิวมีกี่ประเภท
  3. วิธีรักษาสิวด้วยตัวเองโดยวิธีธรรมชาติ
  4. วิธีรักษาสิวด้วยตัวเองโดยการใช้ยา
  5. วิธีป้องกันการเกิดสิวใหม่ด้วยตัวเอง

 

acne-remedies-22.jpg

ปัญหาสิว คืออะไร

         ปัญหาผิวหน้าที่ทุกคนล้วนต้องพบเจอ อย่างปัญหาสิวที่ทำให้เกิดเม็ดสิวชนิดต่างๆ บนใบหน้า ซึ่งทำให้ใครหลายๆ คนไม่มั่นใจในใบหน้าของตัวเอง รวมถึงยังอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาผิวอื่นๆ ได้อย่างเช่น หลุมสิว หรือสิวเรื้อรังได้อีกด้วย การดูแลรักษาผิวหน้าให้ปราศจากสิวจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ และไม่ควรมองข้าม

         สิวเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรม การนอนดึก การทำความสะอาดหน้าได้ไม่ดีพอ ไปจนถึงการรับประทานอาหารที่กระตุ้นสิว กระตุ้นการผลิตน้ำมันบนใบหน้า ล้วนเป็นการเสริมแรงที่ทำให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้น เนื่องจากสิวส่วนมากมักเกิดจากการที่ต่อมน้ำมันผลิตออกมามากเกินไป ทำให้เกิดการอุดตันอยู่ในชั้นผิว ก่อนที่จะมีเชื้อแบคทีเรียไปสะสมตัวในพื้นที่ดังกล่าว จึงทำให้เกิดการอักเสบของผิวจนกลายเป็นสิวในที่สุดนั่นเอง เมื่อคุณเข้าใจและรู้ที่มาของการเกิดสิวแล้ว การดูแลรักษาสิวด้วยตัวเองก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายมากยิ่งขึ้น

acne-remedies-33.jpg

สิวมีกี่ประเภท

            เนื้อหาในส่วนนี้จะพาผู้อ่านทุกคนไปทำความรู้จักกับสิวกันให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องประเภทของสิว ซึ่งจริงๆ แล้วสิวสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1. สิวไม่อักเสบ และ 2. สิวอักเสบ รายละเอียดของสิวแต่ละประเภทจะเป็นอย่างไรบ้าง ไปติดตามกันต่อได้เลย 

1. สิวไม่อักเสบ

           สิวไม่อักเสบ (non-inflammatory acne) คือสิวที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน หรือที่หลายๆ คนเรียกกันว่า สิวอุดตันนั้นเอง มีประเภทแยกย่อยออกเป็น 2 กลุ่มหลักๆ ดังนี้ 

  • สิวอุดตันหัวเปิดหรือสิวหัวดำ

สิวลักษณะนี้จะมองเห็นเป็นหัวสีดำ จุดสีดำที่ปรากฏนั้นเกิดจากน้ำมันส่วนเกินที่อัดแน่นอยู่กับเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ซึ่งทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศจนทำให้หัวสิวกลายเป็นสีดำ

  • สิวอุดตันหัวปิด หรือสิวหัวขาว 

สิวประเภทนี้จะเป็นตุ่มใสๆ นูนขึ้นจากชั้นผิว บีบออกได้ยาก มีโอกาสที่จะพัฒนาเป็นสิวอักเสบได้อีกด้วย สาเหตุที่ทำให้เกิดสิวประเภทนี้เพราะเชื้อแบคทีเรียที่สะสมในพื้นที่ดังกล่าวขาดออกซิเจน ทำให้เชื้อเติบโตเพิ่มจำนวนได้ง่ายมากขึ้น หากดูแลรักษาไม่ดีก็เสี่ยงที่จะทำให้เกิดสิวอักเสบได้นั่นเอง 

2. สิวอักเสบ

           สิวอักเสบ (inflammatory acne) เป็นสิวที่มีหัวนูนชัดออกมาจากผิวหน้า เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเจ็บที่บริเวณดังกล่าว เป็นสิวที่สามารถสังเกตได้ง่าย เนื่องจากสิวอักเสบจะมีหัวชัดและพื้นที่รอบข้างจะมีสีออกแดงเล็กน้อย ซึ่งหัวสิวอักเสบสามารถแบ่งตามอาการได้อีก 3 ระยะด้วยกัน ดังนี้

  • สิวอักเสบชนิด Papule: เป็นสิวอักเสบระยะแรกที่มีหัวนูนออกมาเล็กน้อย 
  • สิวอักเสบชนิด Pustule: หัวสิวที่มีหนองอยู่จนเห็นได้ชัด
  • สิวอักเสบชนิด Nodule / Cyst: ในระยะนี้จะมีอาการหนักสุด คือ หัวสิวอักเสบพัฒนาเป็นสิวหัวช้างหรือสิวซีสต์ได้ คอลลาเจนในพื้นที่ดังกล่าวถูกทำลาย มีความเสี่ยงสูงถึงแม้สิวจะหายไปแล้ว แต่บริเวณดังกล่าวอาจเป็นหลุมสิวได้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อหาวิธีรักษาให้ถูกต้อง เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดหลุมสิวจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด

acne-remedies-44.jpg

วิธีรักษาสิวด้วยตัวเองโดยวิธีธรรมชาติ

          ใครที่กำลังมองหาวิธีรักษาสิวด้วยตัวเองกันอยู่ ต้องเกริ่นก่อนว่ามีวิธีรักษาสิวหลากหลายวิธี ทั้งถูกวิธีและถูกสุขลักษณะ โดยบทความนี้ได้รวบรวมไว้แล้วเพื่อคุณ ถ้าพร้อมกันแล้วไปติดตามเนื้อหาที่นำมาเสิร์ฟกันต่อได้เลย ดังนี้

การใช้ยาสีฟันแต้มสิว

         หลายคนอาจจะไม่เชื่อว่าสิ่งของที่ใช้ทำความสะอาดฟันในทุกวันอย่างยาสีฟัน จะช่วยในการรักษาสิวได้แบบเห็นผล เพราะยาสีฟันสามารถช่วยลดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้ ทำให้พวกสิวเม็ดเล็กๆ ที่กำลังจะพัฒนาเป็นสิวเม็ดใหญ่ ยุบไว โดยวิธีการใช้ยาสีฟันเพื่อจัดการกับสิว เพียงแค่นำยาสีฟันไปทาบริเวณสิวที่เกิดขึ้น ทิ้งไว้ 30 นาที ค่อยล้างออก

  • เหมาะกับสิว: สิวเม็ดเล็กๆ และสิวที่กำลังมีอาการอักเสบ
  • ข้อควรระวัง  - ไม่ควรทาทิ้งไว้ข้ามคืน เนื่องจากอาจจะทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ได้ 

การใช้น้ำมะนาวแต้มสิว

         อีกหนึ่งไอเทมที่หาได้ง่าย ในห้องครัวทุกบ้านต้องมีแน่นอนคือ มะนาว คุณสามารถใช้น้ำมะนาวในการรักษาสิวได้อย่างอยู่หมัด เนื่องจากในน้ำมะนาวมีกรด AHA ที่ช่วยในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ทำให้สิวที่นูนอยู่หรือกำลังเข้าสู่อาการอักเสบสามารถยุบตัวลงได้ วิธีการรักษาสิวด้วยน้ำมะนาวนี้ เพียงแค่คุณนำน้ำมะนาวมาทาบริเวณจุดที่เป็นสิว แต้มทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วล้างออก

  • เหมาะกับสิว: สิวเม็ดเล็กๆ และสิวที่กำลังมีอาการอักเสบ
  • ข้อควรระวัง  - ไม่ควรแต้มทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน เนื่องจากกรด AHA ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว อาจทำให้ชั้นผิวบอบบางได้

การใช้ไข่ขาวพอกสิว

         โดยไอเทมจากห้องครัวอีกอย่างที่จะช่วยกำจัดสิวผด รวมถึงสิวอักเสบได้เป็นอย่างดีคือ ไข่ขาว วิธีการดูแลรักษาสิวด้วยไข่ขาวนั้นก็แสนง่าย ให้คุณตอกไข่ เพื่อแยกไข่แดงกับไข่ขาวออกจากกัน โดยนำไข่ขาวที่ได้นั้นมาพอกหน้าไว้ประมาณ 20 นาที และล้างออก ทำแบบนี้เป็นประจำสัปดาห์ละครั้ง

  • เหมาะกับสิว: สิวผด และสิวอักเสบ
  • ข้อควรระวัง  - ควรล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นเพื่อเป็นการระบายสิ่งสกปรกและทำความสะอาดรูขุมขนที่กำลังเปิดอยู่

การใช้เบกกิ้งโซดาแต้มสิว

         สูตรสุดท้ายในการรักษาสิวด้วยตัวเองคือการนำไอเทมสารพัดประโยชน์อย่างเบกกิ้งโซดา นอกจากจะนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายแล้ว ยังมีประโยชน์ในอีกหลายด้าน หนึ่งในนั้นคือการรักษาสิว วิธีการใช้งานก็สะดวก เพียงแค่นำเบกกิ้งโซดามาผสมกับน้ำสะอาด นำมาพอกบริเวณที่เป็นสิว คุณจะเริ่มสัมผัสได้เลยว่าสิวลดขนาดลง และใช้ระยะเวลาในการรักษาไม่นาน เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังหาวิธีจัดการสิวแบบเร่งด่วน 

  • เหมาะกับสิว: สิวอักเสบ รอยสิวทั้ง รอยดำ และรอยแดง
  • ข้อควรระวัง  - อย่าพอกผิวด้วยเบกกิ้งโซดาติดต่อกันทุกวัน เพราะอาจจะทำให้ชั้นผิวบอบบางและไวต่อแดดได้ 

acne-remedies-55.jpg

วิธีรักษาสิวด้วยตัวเองโดยการใช้ยา

         หากคุณเลือกใช้วิธีการรักษาสิวด้วยตัวเองผ่านรูปแบบธรรมชาติไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจหรือยังคงเป็นสิวอยู่ อีกทางเลือกหนึ่งที่จะแนะนำเลยคือ วิธีการรักษาสิวด้วยการใช้ยานั้นเอง อย่างไรก็ดีในการใช้ยาเพื่อรักษาสิวจำเป็นต้องใช้ให้ถูกกับประเภทสิวที่เกิดขึ้น รวมถึงควรอยู่ในการดูแลของแพทย์หรือเภสัชเพื่อให้มั่นใจได้ว่าตัวยาที่กำลังใช้อยู่ เหมาะกับสภาพผิวและช่วยรักษาสิวได้จริงๆ 

รักษาสิวอุดตัน หรือรอยดำจากสิว ด้วย Salicylic Acid

         หากพูดถึงตัวยาในการรักษาสิวแล้ว ชื่อของ Salicylic Acid จะต้องเป็นหนึ่งในลิสต์อย่างแน่นอน เพราะนี่เป็นตัวยาที่มีการใช้เพื่อรักษาสิวกันโดยทั่วไป ตัวยามีกรดอ่อนๆ อย่าง BHA ที่สามารถซึมลึกลงไปในรูขุมขน เพื่อจัดการกับไขมันที่เป็นแหล่งรวมสิ่งสกปรกที่ทำให้เกิดสิว แน่นอนว่านี่เป็นการยับยั้งสิวที่เป็นปัญหากวนใจของใครหลายคน 

หลังจากที่คุณทำความสะอาดหน้าเรียบร้อยแล้ว ให้ทา Salicylic Acid บางๆ ในบริเวณที่เป็นสิว หรือจะเลือกใช้สำลีเช็ดหน้าในการทายาก็ได้เช่นเดียวกัน โดยต้องระวังไม่ให้ตัวยาโดนตา ปาก และจมูก 

  • เหมาะกับสิว: สิวหัวขาวและสิวหัวดำ
  • ข้อควรระวัง  - หากมีการใช้ตัวยาชนิดนี้ ควรทากันแดดให้สม่ำเสมอ เนื่องจากช่วงที่ใช้ยา Salicylic Acid ผิวจะบอบบางเป็นพิเศษ อีกทั้งควรเลี่ยงการใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ไปก่อนสักระยะหนึ่ง

รักษาสิวอุดตันหรือสิวผด ด้วย Benzoyl Peroxide

         Benzoyl Peroxide เป็นตัวยาสำหรับการต้านเชื้อแบคทีเรีย อีกทั้งยังช่วยทำให้ผิวแห้งขึ้น เนื่องจากผู้ที่มีปัญหาสิวมักเกิดจากการที่ต่อมผลิตน้ำมันใต้ชั้นผิวทำงานมากเกินไป ทำให้หน้ามันง่าย เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดสิว วิธีการใช้หลังจากที่คุณล้างหน้าด้วยคลีนซิ่งแล้ว ให้ทำการทา Benzoyl Peroxide ลงบนบริเวณผิวที่เป็นสิว ทิ้งไว้ประมาณ 5 - 15 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด ทำแบบนี้ทุกเช้าและเย็นอย่างสม่ำเสมอ

  • เหมาะกับสิว: สิวอุดตัน 
  • ข้อควรระวัง  - หากคุณเป็นคนที่แพ้การใช้ยาเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาตัวนี้เช่นเดียวกัน รวมถึงใครที่มีลักษณะผิวแพ้ง่ายหรือผิวบอบบาง ไม่ควรใช้ยาตัวนี้ 

รักษาสิวอุดตัน หรือสิวไม่มีหัวด้วย Tretinoin หรือ Retinol

         สำหรับผู้ที่มีสิวอักเสบและสิ่งสกปรกอุดตันในรูขุมขน กลุ่มยาที่เหมาะกับคุณเป็นพิเศษคือ Tretinoin หรือ Retinol โดยตัวยากลุ่มนี้จะมีโคมีโดน (comedonal acne) ที่ช่วยในการรักษาสิวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังโดดเด่นในด้านการบำรุงผิวเพื่อไม่ให้เกิดริ้วรอยอีกด้วย วิธีการทายากลุ่มนี้ใช้ทาก่อนที่คุณจะลงมอยส์เจอร์ไรเซอร์ เนื่องจากเนื้อครีมของยากลุ่ม Tretinoin และ Retinol มีเนื้อสัมผัสบางเบากว่านั่นเอง 

  • เหมาะกับสิว : สิวผด สิวเม็ดเล็กๆ 
  • ข้อควรระวัง  - คุณควรที่จะลงตัวยากลุ่มนี้ในช่วงเวลากลางคืน โดยเลี่ยงการทาอย่างต่อเนื่องติดต่อกันมากเกินไป เนื่องจากตัวยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์แรง อาจทำให้ผิวหน้าบาง และลอกแดงได้

รักษาสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ ด้วย Azelaic Acid

         Azelaic Acid เป็นตัวยาที่มีฤทธิ์ในการลดสิวระดับความรุนแรงน้อยถึงปานกลาง โดยคุณสมบัติหลักของตัวยานี้คือ ช่วยลดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นตัวการในการเกิดสิวให้ลดน้อยลง อีกทั้งยังช่วยลดการเกิดสิวซ้ำซากได้อีกด้วย ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในปัญหากวนใจของคนเป็นสิวอย่างมาก เพราะหากทำความสะอาดหรือดูแลผิวหน้าไม่ดี เชื้อสิวก็จะยังคงวนเวียนอยู่บนหน้าทำให้เกิดสิวไม่รู้จบ 

  • เหมาะกับสิว : สิวอักเสบ สิวผด
  • ข้อควรระวัง  - สำหรับผู้ที่เพิ่งผ่านการผ่าตัด หรือทำทันตกรรม  รวมถึงคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ไม่ควรใช้ยาตัวนี้เนื่องจากอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้

รักษาสิวอักเสบ ด้วย Sulfur

         Sulfur เป็นตัวยาที่มีชื่อเสียงอย่างมากที่ช่วยในการลดเชื้อแบคทีเรีย รวมถึงยังมีความสามารถช่วยลดการอักเสบของสิวอักเสบได้ดี ในขณะเดียวกันตัวยา Sulfur ยังช่วยลดปริมาณน้ำมันบนผิวหน้า ที่เป็นตัวการหลักที่ทำให้เกิดสิวได้ด้วย วิธีการทายา Sulfur คือทาลงบนผิวที่เป็นสิวบางๆ อย่างน้อยวันละ 1-3 ครั้ง ในกรณีที่ยังไม่เคยใช้ยาตัวนี้มาก่อน ให้เริ่มจากการทาวันละครั้งก่อน และค่อยๆ เพิ่มความถี่ในการทาเพื่อให้สิวลดอาการอักเสบได้เร็วมากยิ่งขึ้น 

  • เหมาะกับสิว : สิวอักเสบ สิวทั่วไปได้ทุกชนิด
  • ข้อควรระวัง  - หากใช้ยาลดสิวประเภทอื่นอยู่ ไม่ควรทาตัวยา Sulfur เสริม และผู้ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ตัวยานี้โดยเด็ดขาด

รักษาสิวหัวหนอง ด้วย Tetracycline

         ตัวยาประเภท Tetracycline เป็นยาปฏิชีวนะแบบทานที่ใช้รักษาสิวโดยเฉพาะ สามารถฆ่าเชื้อได้ ครอบคลุมไม่ว่าจะเป็นเชื้อแกรมบวก (gram positive bacteria) และเชื้อแกรมลบ (gram negative bacteria) เหมาะสำหรับผู้ที่มีสิวอักเสบ วิธีการใช้ตัวยานี้เพียงแค่ รับประทาน 1 เม็ด (250 มก.) วันละ 4 ครั้ง หรือครั้งละ 2 เม็ด วันละ 2 ครั้ง หากสิวเบาบางลงแล้ว ให้ลดปริมาณเหลือวันละ 2 ครั้ง ครั้ง 1 เม็ด 

  • เหมาะกับสิว : ภาวะสิวอักเสบ และสิวเป็นหนองรุนแรง 
  • ข้อควรระวัง  - ห้ามใช้สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคไตวาย และผู้ใช้จำเป็นต้องมีอายุมากกว่า 8 ขวบขึ้นไป เนื่องจากอาจจะทำให้สีฟันผิดปกติได้

รักษาสิวหัวช้าง ด้วย Erythromycin

         Erythromycin เป็นตัวยาที่ช่วยในเรื่องการลดเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบของสิวได้ดีมาก นอกจากจัดการปัญหาสิวให้เบาบางลงได้แล้ว ยังช่วยเรื่องการฟื้นฟูรอยดำ รอยแดงจากสิวได้เพิ่มเติม วิธีการใช้งานตัวยาชนิดนี้ให้ทาบริเวณที่เป็นสิวหรือพื้นที่ที่มีรอยดำ รอยแดง วันละ 2-3 ครั้ง อย่างต่อเนื่องในทุกวัน เมื่ออาการดีขึ้นแล้วจึงค่อยๆ ลดความถี่ในการทาลง 

  • เหมาะกับสิว : สิวหัวช้างและสิวอักเสบขั้นรุนแรง
  • ข้อควรระวัง  - หากใช้ตัวยาไปสักพัก และเกิดคลื่นไส้ มึนหัว หรืออาการผิดปกติที่ไม่เป็นมาก่อน ควรหยุดใช้ และปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

acne-remedies-66.jpg

วิธีป้องกันการเกิดสิวใหม่ด้วยตัวเอง

         เชื่อว่าในตอนนี้คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการรักษาสิวด้วยตัวเองทั้งวิธีธรรมชาติและวิธีใช้ยาเพื่อลดอักเสบ  ลดอาการบวมของสิวกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ดีการป้องกันไม่ให้เกิดสิวเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ใครที่ไม่อยากกลับไปมีสิวอีก ในเนื้อหาส่วนนี้ได้รวบรวม 7 วิธีป้องกันสิวไว้แล้ว ดังนี้ 

1. การทำความสะอาดผิวหน้า

         ในแต่ละวันผิวหน้าต้องเผชิญกับทั้งฝุ่นและมลภาวะต่างๆ มากมาย การทำความสะอาดเป็นขั้นตอนแรกเริ่มในการดูแลและรักษาผิวเนียนใส ไม่ให้เกิดสิวได้ดีที่สุด คุณควรใส่ใจทุกรายละเอียดในการทำความสะอาดผิว 

         หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่แต่งหน้าเพื่อไปทำงาน ควรล้างออกให้ผิวเกลี้ยงเกลาด้วยเมคอัพรีมูฟเวอร์และล้างหน้าอย่างสม่ำเสมอ 2 ครั้งต่อวัน ด้วยวิธีการที่ถูกต้อง พร้อมกับเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิว โดยผลิตภัณฑ์สำหรับการล้างหน้าในปัจจุบันมีหลากหลายสูตร ไม่ว่าจะเป็นสูตรผิวมัน ผิวผสม หรือจะเป็นผิวบอบบางแพ้ง่าย ให้คุณเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับผิวของคุณมากที่สุด เพื่อให้เหมาะสมกับผิว รวมถึงลดการระคายเคืองของผิวหน้า 

2. ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่อ่อนโยน

         การที่ต่อมน้ำมันบนใบหน้าทำงานมากเกินไป หลายคนอาจจะเข้าใจว่าไม่ควรทาสกินแคร์ที่เพิ่มความชุ่มชื้นอีก ในทางกลับกันการที่ต่อมน้ำมันทำงานมากเกิน มีสาเหตุเกิดจากการที่ผิวหน้าของคุณขาดความชุ่มชื้นนั่นเอง คุณจึงควรเลือกใช้สกินแคร์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และอย่าลืมที่จะสังเกต non-comedogenic ที่หมายถึงสกินแคร์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมและแอลกอฮอล์ คนที่มีผิวหน้าบอบบางหรือแพ้ง่ายก็สามารถที่จะใช้ได้แบบหายห่วง 

3. ทาครีมกันแดดเป็นประจำ

         น้อยคนนักที่จะรู้ว่าหนึ่งในสาเหตุหลักของปัญหาผิวมากมายที่รวมไปถึงปัญหาสิว คือแสงแดดนี่เองที่เป็นตัวการในการทำให้เกิดปัญหาเหล่านั้น เนื่องจากแสงแดดจะทำลายความสมดุลในชั้นผิว การหลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วงเวลาแดดจัดจึงเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่สำหรับผู้ที่ต้องทำงานหรือเผชิญกับแดดอยู่ตลอดเวลา จำเป็นต้องทากันแดดที่มีค่า SPF 50 PA+++ ที่ถือเป็นมาตรฐานสำหรับกันแดดในประเทศไทย ถ้าไม่อยากผิวแก่ แห้ง สิวขึ้นเยอะ อย่าลืมทากันแดดกันอย่างสม่ำเสมอ

4. ไม่รบกวนผิวบริเวณที่เป็นสิว

         หากสิวที่เคยมีเพิ่งจะอักเสบลดลงหรือลดเลือนไป พยายามดูแลและหลีกเลี่ยงการรบกวนให้ได้มากที่สุด ตัวอย่างเช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีแรงๆ การทาสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอมหรือแอลกอฮอล์ และการใช้ผลิตภัณฑ์ในการผลัดเซลล์ผิว เนื่องจากช่วงระยะเวลาดังกล่าวอาจจะกระตุ้นทำให้เกิดสิวใหม่ได้นั้นเอง

5. นอนพักผ่อนให้เพียงพอ

         เชื่อว่าทุกคนรู้ดีว่าการนอนพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยส่งเสริมและฟื้นฟูร่างกายในส่วนที่สึกหรอได้เป็นอย่างดี แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะนอนพักได้เพียงพอ ถึงอย่างนั้นหากคุณไม่อยากให้ผิวหน้าของตัวเองต้องกลับไปมีสิวอีก จำเป็นต้องฝึกนอนให้เพียงพอ โดยขั้นต่ำที่เป็นหลักการนอนสากลคือ 6-8 ชั่วโมง และควรเข้านอนก่อน 5 ทุ่ม เนื่องจากหลังเที่ยงคืนเป็นต้นไประบบต่างๆ ภายในร่างกายจะเริ่มกระบวนการซ่อมแซมแล้ว ยิ่งคุณนอนดึกหรือนอนน้อยเท่าไรจะยิ่งทำให้ระดับฮอร์โมนไม่คงที่ เสียสมดุล และสิวจะกลายเป็นสิ่งที่ร่างกายจะแสดงออกมาว่าระบบภายในทำงานผิดปกติ 

6. ทานอาหารที่มีประโยชน์และดื่มน้ำให้มาก

         You are what you eat นี่เป็นเรื่องจริงที่สุด เพราะทุกอย่างที่คุณรับประทานเข้าไปนั้น จะแสดงออกผ่านผิวพรรณ ยิ่งคุณเลือกทานอาหารที่ดีและครบ 5 หมู่ พร้อมกับดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม ก็จะช่วยบำรุงให้ระบบต่างๆ ภายในร่างกายสามารถทำงานได้ดีและเต็มที่มากยิ่งขึ้น 

         ยิ่งใครที่เป็นสิวหนักๆ ลองลดอาหารประเภทไขมันและของหวาน หันมาทานผัก ผลไม้ และโปรตีนแทน รับรองว่าจะเห็นผลลัพธ์ได้ในหลายๆ เรื่อง ซึ่งรวมถึงสิวด้วยที่สามารถลดลงแบบทันตา ยิ่งถ้าดื่มน้ำได้ 6-8 แก้วต่อวันก็จะยิ่งทำให้ร่างกายสามารถขับถ่ายของเสียออกได้อย่างดีเยี่ยม เมื่อร่างกายเกิดสภาพคล่อง นำของเสียออกจากร่างกายได้หมด ปัญหาสิวก็จะเบาบางลงไปด้วย

7. รักษาความสะอาดของเสื้อผ้าและเครื่องนอน

         สุดท้ายคือการรักษาความสะอาดทั้งเสื้อผ้าและของใช้ รวมถึงเครื่องนอน เพราะนี่เป็นสิ่งที่คุณใช้ชีวิตด้วยทุกวัน แต่หลายคนกลับมองข้าม ไม่ยอมรักษาความสะอาด หลังจากที่สวมใส่เสื้อผ้าแล้ว จำเป็นต้องซักทุกครั้ง ด้านเครื่องนอนต้องหมั่นทำความสะอาดอย่างน้อย อาทิตย์ละครั้ง โดยคำแนะนำในการทำความสะอาดเครื่องนอนจำเป็นต้องใช้อุณหภูมิ 60 องศาเพื่อฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรียที่มองไม่เห็น ร่วมด้วยกับการเลือกใช้น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่มที่ไม่มีน้ำหอมหรือแอลกอฮอล์ที่อาจจะรบกวนผิว จนทำให้เกิดสิวได้แบบที่คุณไม่รู้ตัว 

สรุป

         ปัญหาสิวเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวที่เกิดขึ้นได้กับหลายๆ คน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะรับมือกับปัญหาสิวได้ดี การรักษาสิวด้วยตัวเองเป็นเรื่องที่คุณทำได้จริง สามารถลดการอักเสบของสิวเบื้องต้นได้ แต่อย่างไรก็ดีหากคุณต้องการปรึกษาแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตัดจบวงจรสิวซ้ำซาก ขอแนะนำให้รู้จักกับ  Lovely Eye & Skin Clinic ที่มีโปรแกรมการรักษาสิวด้วยเทคโนโลยี O2Jetpeel เป็นเทคโนโลยีเพื่อผลัดเซลล์ผิวและรักษาสิวอย่างมีประสิทธิภาพ ให้คุณมั่นใจและทวงคืนผิวหน้าให้กลับมาสวยได้อย่างง่ายดาย ปลอดภัยด้วยการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยเฉพาะ