fbpx ตาขาวไม่ใส-ตาเหลือง เกิดจากอะไร แก้ยังไง บอกโรคอะไรบาง ?

ตาขาวไม่ใส-ตาเหลือง เกิดจากอะไร แก้ยังไง บอกโรคอะไรบ้าง ?  

ตาเหลือง ไม่ใส เกิดจากอะไร แก้ยังไง

           เคยส่องกระจกแล้วรู้สึกว่าดวงตาหมองลงไหม บางทีตาขาวของเราอาจจะบอกอะไรได้มากกว่าที่คิด ใครก็ตามที่มีดวงตาเหลือง ตาขาวไม่ใสอาจบ่งบอกได้ว่าสุขภาพของคุณเริ่มมีปัญหา และอาการตา ไม่ ขาว ใสนอกจากมีสาเหตุมาจากโรคต่างๆแล้ว ยังมีสาเหตุมาจากปัจจัยต่างๆได้อีกด้วย บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักถึงสาเหตุของการเกิดตาขาว ไม่ ใส และวิธีแก้ให้กลับมาตา ใสปิ๊ง 

Table of Contents

  1. ทำไมตาขาวถึงไม่ใส และเปลี่ยนสี
  2. ตาขาวไม่ใสอันตรายไหม
  3. อาการป่วยตามสีของตาขาว
  4. เทคนิคตาใส ดูแลตายังไงให้ใสเหมือนนางแบบ
  5. สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงถ้าอยากให้ตาขาวสุขภาพดี
  6. คำถามที่พบบ่อย

 

ทำไมตาขาวถึงไม่ใส และเปลี่ยนสี

           โดยปกติแล้วดวงตาของเราจะมีสีขาว แต่ถ้าหากดวงตาเกิดการเปลี่ยนสีตา ไม่ ขาว ใส อาจเกิดจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นโรคเกี่ยวกับตับ ตาขาวไม่สะอาด เกิดการระคายเคืองที่ตา แต่ทั้งนี้ต้องได้รับการประเมินและดูแลอย่างถูกวิธีโดยจักษุแพทย์เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ 

ตาขาวไม่ใสอันตรายไหม

           ลักษณะอาการตาขาวไม่ใสมีทั้งที่ไม่เป็นอันตราย และอันตรายต่อสุขภาพ มาดูลักษณะอาการของตาขาว ไม่ ใสแต่ละประเภทกันเลยว่ามีลักษณะแบบใดและมีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง 

ตาขาวขุ่น ตาขาวแดง ตาขาวเหลือง เกิดจากอะไร บอกโรคอะไรบ้าง

อาการป่วยตามสีของตาขาว

ตาขาวขุ่น

           ตาขาวขุ่นเป็นอาการที่เกิดจากการใช้สายตาทำงานหนัก หรือใช้สายตาจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเวลานาน จึงทำให้ตาขาวเปลี่ยนเป็นสีขาวขุ่น ดูหม่นหมอง ตาขาวไม่ใส หรืออาจมีโรคแทรกซ้อนเข้ามาข้องเกี่ยว สามารถตรวจอาการเบื้องต้นได้ดังนี้

ตาขาวขุ่นเกิดจาก

1.ภาวะตาขาวสกปรก (Dirty Sclera)

เกิดจากการระคายเคืองบริเวณตาขาว ไม่ว่าจะเป็นการตกแดด ตากลม เจอกับฝุ่นละอองมากมาย รวมไปถึงการใช้สายตามากเกินจนทำให้ตาอักเสบ ทำให้ตาหมองไม่ ขาว ใส

2. อยู่หน้าคอมพิวเตอร์หรือมือถือเป็นวลานาน

การเล่นคอมหรือมือถือเป็นเวลานาน จนดวงตาขาดการพักผ่อน มีอาการตาแห้งมากเกินไป ทำให้เยื่อบุตาขาวอักเสบได้ เพราะเส้นประสาทตาถูกทำลาย

3.ต้อลม (Pinguecula)

ต้อลมเกิดจากความเสื่อมของเยื่อบุตาขาว พบเป็นก้อนขนาดเล็กบริเวณตาขาวช่วงหัวตาและหางตา สาเหตุมาจากโดนแสงแดดเป็นเวลานาน โดนลม ฝุ่น ควัน และความร้อนจนเกิดการระคายเคือง มักมีอาการเคืองตา แสบตา น้ำตาไหลร่วมด้วย

การดูแลเมื่อตาขาวขุ่น

วิธีการดูแลตาขาวขุ่นให้กลับมาตาใสด้วยตัวเองง่ายๆดังนี้

  • งดการสัมผัสและขยี้ดวงตา
  • ใส่แว่นกันแดด เพื่อป้องกันแสงแดดและฝุ่นละออง
  • ให้ยาหยอดตาหรือน้ำตาเทียมแบบไม่มีสารกันเสีย เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา ลดการระคายเคือง และช่วยชะล้างสารก่อภูมิแพ้ในตาออกไป
  • ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นประคบที่ตา
  • พักสายสายตาทุกๆ 2 ชั่วโมง งดการเล่นคอมพิวเตอร์หรือมือถือติดต่อกันเป็นเวลานาน
  • สำหรับผู้เป็นต้อลม ควรเข้ารับคำปรึกษาจากจักษุแพทย์เพื่อการรักษาที่ถูกต้อง

ตาขาวแดง

           อาการตาแดงสามารถเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุหลายปัจจัย แต่ทั้งนี้สาเหตุเบื้องต้นมักเกิดจากการโดนลม โดนฝุ่น ขยี้ตาบ่อยๆจนเกิดการอักเสบของเยื่อบุตา หรือติดเชื้อไวรัสที่เยื่อบุตาขาว และบางครั้งก็สามารถบอกถึงปัญหาสุขภาพได้อีกเช่นกัน

ตาขาวแดงเกิดจาก

1.โรคตาแดง

เกิดจากการติดเชื้อไวรัสในกลุ่มอาดิโนไวรัสหรือแบคทีเรียที่ดวงตาทั้งสองข้าง หรือข้างใดข้างหนึ่ง สามารถติดต่อได้โดยตรงผ่านการสัมผัสน้ำตา เช่น ผู้ป่วยใช้นิ้วขยี้มาและมาสัมผัสเรา เป็นต้น แต่ไม่สามารถติดต่อทางการสบตา หายใจร่วมกัน หรือรับประทานอาหารด้วยกันได้ โดยจะแสดงอาการภายใน 1-2 วัน สามารถแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้ประมาณ 14 วัน โรคตาแดงเป็นโรคที่ไม่มีความรุนแรง แต่ถ้าหากปล่อยไว้นานโดยไม่รักษาอาจทำให้ติดเชื้อจนเกิดความพิการทางสายตาได้

2.ตาแห้ง

ตาแห้งจากการขาดน้ำหล่อเลี้ยงดวงตา จะทำให้เกิดความระคายเคืองและอักเสบได้ จนทำให้ตาแดง อาการดังกล่าวอาจจะเกิดได้จากผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่จ้องคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ก็สามารถเป็นสาเหตุทำให้ตาแห้งได้

3.ภูมิแพ้

อาการของโรคภูมิแพ้มักส่งผลให้คันตา สาเหตุจากสภาพอากาศ และสภาพแวดล้อม เช่น แพ้หญ้า แพ้ละอองเกสรดอกไม้ จนเกิดอาการบวม อักเสบ ทำให้เราขยี้ตาสัมผัสกับดวงตาบ่อยๆ ทำให้ตาระคายเคือง เส้นเลือดฝอยในตาขยายตัว จนตาแดง ตาขาวไม่ใสดูหมอง

4.การใช้ยาบางชนิด

การใช้ยาแก้แพ้ ยาต้านฮีสตามีน ยานอนหลับ ยาคลายเครียด หรือยา ibuprofen ยาเหล่านี้ไปลดการไหลเวียนของเลือดบริเวณเนื้อเยื่อรอบดวงตา มักทำให้ตาแห้งและแดง

5.พักผ่อนไม่เพียงพอ

หลายๆคนอาจจะเคยตื่นขึ้นมาในตอนเช้าแล้วพบว่าตาแดง สาเหตุมาจากการนอนดึก กล้ามเนื้อดวงตาก็ต้องการพักผ่อนให้เพียงพอเช่นกัน เพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

6.ดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่

  • การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปจะทำใบหน้าและตาแดง เกิดจากเส้นเลือดขยายตัว มีเลือดไหลเวียนที่ดวงตามากขึ้นนั่นเอง
  • การสูบบุหรี่ จะไปกระตุ้นการบีบตัวของเส้นเลือดในดวงตา และยังมีอาการตาแห้งร่วมด้วย จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ตาแดง

7.เส้นเลือดในตาแตก

เกิดจากแรงกดที่บริเวณดวงตาเช่น การไอ มีโรคบางอย่าง หรือเกิดอุบัติเหตุ เส้นเลือดในตาแตกไม่ทำให้เกิดความเจ็บปวดต่อดวงตา เพียงแต่จะรู้สึกหนักที่ตา ไม่สามารถใช้ยาเพื่อรักษาได้ ต้องรอให้หายไปเองประมาณ 1 สัปดาห์

8.ตาขาวอักเสบ

เกิดจากการใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานาน หรือล้างเครื่องสำอางออกไม่หมด อาจทำให้ฝุ่นละอองที่หลงเหลือเข้าไปสะสมในตา จนเกิดการอักเสบ ตาขาวจึงหลายเป็นสีแดงขึ้นมา

การดูแลเมื่อตาขาวแดง

โรคตาแดงควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจสอบเชื้อไวรัส และรับยาหยอดตาเพื่อรักษาตามอาการ

  • ควรหยอดตาด้วยน้ำตาเทียมเมื่อรู้สึกเคืองตา หรือตาแห้ง
  • งดดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่
  • พักผ่อนให้เพียงพอ นอนให้ครบ 8 ชั่วโมง
  • ประคบเย็นที่ตาเพื่อลดอาการบวม คัน
  • พักการใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานาน
  • เข้าพบจักษุแพทย์เพื่อประเมินอาการการรักษาโดยตรง 

ตาขาวเหลือง

           อาการตาขาวเหลือง หรือตาขาวไม่ใส เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงสุขภาพมีปัญหา สาเหตุมาจากการรวมตัวของสารบิลิรูบิน (Bilirubin) คือสารสีเหลืองที่เกิดจากการสลายเซลล์เม็ดเลือดแดง  เมื่อใดก็ตามที่เลือดพบสารบิลิรูบินมากเกินไป จนร่างกายไม่สามารถกำจัดออกได้ ส่งผลให้เกิดการสะสมของสารนี้มากขึ้น จึงทำให้ดวงตาเป็นสีเหลืองตา ไม่ ขาว ใส อาจเกิดได้จากสาเหตุที่ไม่ร้ายแรงหรืออาจเกี่ยวข้องกับโรคต่างๆ

ตาขาวเหลืองเกิดจาก

1.ตับ

สารบิลิรูบิน (Bilirubin) มักพบในถุงน้ำดี เมื่อร่างกายมีปัญหาเกี่ยวกับตับ ผู้ป่วยจะมักจะพบสารบิลิรูบินในกระแสเลือดมากกว่าปกติ จนขับสารออกไม่ได้ ซึ่งส่งผลให้เยื่อตาเป็นสีเหลือง ทำให้ตา ไม่ ขาว ใสมีลักษณะเป็นสีเหลืองทั่วทั้งดวงตา อาการตาเหลืองบ่งบอกถึงการเกิดโรคเกี่ยวกับตับได้ดังนี้

  • โรคตับอักเสบ
  • โรคตับแข็ง
  • มะเร็งตับ
  • การติดเชื้อในตับ

2.ถุงน้ำดี

ในถุงน้ำดีประกอบด้วยน้ำดีจากตับ ที่ทำหน้าที่ย่อยไขมันจากร่างกาย และท่อน้ำดีเชื่อมต่อกับตับโดยตรง เมื่อท่อน้ำดีถูกปิดกั้นไม่สามารถลำเลียงน้ำดีได้จึงทำให้เกิดอาการตาเหลือง ตาขาวไม่ใส เกิดได้จากสาเหตุดังนี้

  • นิ่วในถุงน้ำดี
  • ซีสต์ในท่อน้ำดี
  • เนื้องอก หรือมะเร็งท่อน้ำดี

3.ตับอ่อน

เป็นอวัยวะที่มีเอนไซม์ช่วยย่อยอาหาร และยังทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมน ท่อจากตับอ่อนเป็นท่อที่นำไปสู่ลำไส้เล็ก หากเกิดการติดเชื้อหรือสิ่งกีดขวางที่บริเวณนี้ จะส่งผลให้เกิดการสะสมของบิลิรูบินทำให้เกิดอาการตาเหลืองตา ไม่ ขาว ใส

4.ความผิดปกติของเลือด

อาจเกิดความผิดปกติจากระบบการทำงานของอวัยวะอื่นๆและการไหลเวียนของเลือด หรือเกิดจากการแตกเซลล์ของเม็ดเลือดแดง ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคดังนี้

  • โรคโลหิตจาง
  • โรคธาลัสซีเมียชนิด ฮีโมโกบินเอช
  • โรคเยื่อหุ้มเซลล์เม็ดเลือดแดงผิดปกติ
  • ภาวะการขาดเอ็นไซม์ในเม็ดเลือดแดง
  • โรคเกี่ยวกับไขกระดูก เช่น ไขกระดูกฝ่อ มะเร็งไขกระดูก
  • การติดเชื้อบางชนิด เช่น มาลาเรีย มัยโค พลาสมา คลอสติเดียม

5.ดีซ่าน

เป็นอาการที่เยื่อบุตาขาว เนื้อเยื่อและผิวหนังกลายเป็นสีเหลือง เนื่องจากมีสารบิลิรูบินในเลือดมากเกินไป เกิดจากการตับ ระบบน้ำดี และเซลล์เม็ดเลือดแดงทำงานผิดปกติ อาจพบอาการป่วยที่เกิดขึ้นร่วมกันดังต่อไปนี้

  • อ่อนเพลีย หมดแรง เหนื่อยง่าย
  • น้ำหนักลด
  • เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน
  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
  • ปวดบริเวณชายโครงด้านขวา
  • ท้องบวม ขาบวม
  • คันตามตัว
  • มีไข้ หนาวสั่น

การดูแลเมื่อตาขาวเหลือง

สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาตาขาว ไม่ ใส หรือตาขาวเหลือง มาดูวิธีรักษาเบื้องต้นให้กลับมาตา ใสอย่างถูกวิธี

  • พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับให้เพียงพอจะส่งผลดีต่อสุขภาพ ช่วยให้ร่างกายมีความสมดุล ช่วยให้ร่างกายทำงานได้ปกติ
  • เลือกรับประทานอาหารที่มีวิตามินเอและเบต้าแคโรทีนเพื่อช่วยบำรุงดวงตาให้แข็งแรง เช่น ผักบุ้ง ฟักทอง แครอท ตำลึง มะละกอ และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
  • ควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกาย เมื่อร่างกายขาดน้ำอาจะส่งผลให้น้ำหล่อลื่นในตาแห้ง
  • ผู้ที่เป็นโรคดีซ่านเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อตับ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช โปรตีนไม่ติดมัน ถั่วและพืชตระกูลถั่ว
  • ล้างทำความสะอาดตา จะช่วยฆ่าเชื้อโรค และสิงแปลกปลอมต่างๆออกจากดวงตา
  • การรักษาอาการขาวเหลืองควรมุ่นเน้นไปที่การรักษาตามคำวินิจฉัยของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

เทคนิคตาขาวใส ดูแลตายังไงให้ตาสวยสุขภาพดี 

เทคนิคตาใส ดูแลตายังไงให้ใสเหมือนนางแบบ

  • ดื่มน้ำเปล่าสะอาด วันละ 8 แก้ว เทียบเท่ากับน้ำ 2 ลิตร
  • รับประทานผักสีส้ม,เหลือง,เขียว เพราะอุดมไปด้วยวิตามิน A, B, C, E, K
  • หมั่นกระพริบตาบ่อยๆเพื่อให้มีน้ำมาหล่อเลี้ยงตา
  • ไม่นอนดึก พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ดื่มน้ำใบบัวบก หรือพวกตระกูลเบอร์รี่ช่วยบำรุงสายตา
  • ไม่ใช้คอมพิวเตอร์หรือมือถือมากเกินไป
  • หยอดน้ำตาเทียมแบบไม่ใส่สารกันเสีย เพื่อช่วยให้ดวงตาชุ่มชื้น
  • ตรวจสายตาสม่ำเสมอ
  • บริหารดวงตา ลดอาการตาแห้ง ให้ตาใสกิ๊งตลอดวัน

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงถ้าอยากให้ตาขาวสุขภาพดี

  • หลีกเลี่ยงการใส่คอนแทคเลนส์ติดต่อกันเกิน 12 ชั่วโมงต่อวัน
  • หลีกเลี่ยงการขยี้ตาโดยตรง แนะนำให้ใช้คอตตอนบัด หรือน้ำสะอาดล้าง
  • หลีกเลี่ยงการใช้คอมพิวเตอร์หรือมือถือที่มีแสงสว่างจ้า
  • หลีกเลี่ยงการนอนดึกติดต่อกันหลายๆวัน
  • หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด ฝุ่น มลภาวะ
  • หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางค์หมดอายุ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับตาขาวไม่ใส ตาเหลือง

คำถามที่พบบ่อย

Q : ตาขาวเหลืองเกิดจากอะไร?

A : เกิดจากการรวมตัวของสารบิลิรูบิน คือสารสีเหลืองที่เกิดจากการสลายเซลล์เม็ดเลือดแดง หากพบสารบิลิรูบินในเลือดมากเกินไป จะทำให้ตา ไม่ ขาว ใสหรือดวงตาเป็นสีเหลือง

Q : ต้อลมอันตรายหรือไม่?

A : ต้อลมไม่อันตรายและไม่ส่งผลกระทบต่อการมองเห็นหรือทำให้สูญเสียการมองเห็น

Q : ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวัน จะดูแลดวงตาอย่างไร?

A : ใส่แว่นเพื่อป้องกันแสงสีฟ้าจากคอมพิวเตอร์ หากรู้สึกตาแห้งหรือระคายเคืองตาให้หยอดน้ำตาเทียมเพื่อให้มีน้ำหล่อเลี้ยงดวงตา และพักสายตาอย่างน้อย 10 นาที

Q : อยากตาใสสามารถใส่คอนแทคเลนส์ได้หรือไม่?

A : สามารถใส่ได้ หากอยู่ในระยะที่เหมาะสม และเพื่อป้องกันการระคายเคืองดวงตา ควรหยอดน้ำตาเทียมระหว่างวันร่วมด้วย และไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์ติดต่อกันเป็นเวลานาน

สรุป 

          ดวงตาสุขภาพดีต้องมีตาขาวสดใส นัยน์ตาใสเป็นประกาย หากตาขาวเริ่มเปลี่ยนสีตา ไม่ ขาว ใสเหมือนอย่างที่เคยเป็น หรือตาขาวเหลืองจนเห็นได้ชัด อาจเกิดจากโรคเกี่ยวกับตับ หรือดีซ่าน อาจมีอาการเบื่ออาหาร ร่างกายอ่อนเพลียร่วมด้วย อาการดังกล่าวมาจากความผิดปกติของเลือดหรือการทำงานของระบบภายในร่างกายบกพร่อง หรือหากไม่มั่นใจในอาการที่เกิดขึ้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัย และเข้ารับการรักษาทันที เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย